Sunday, September 5, 2021

เมื่อพระเจ้าช่วยฉันช้อปปิ้ง! ประสบการณ์น่ารักๆ กับพระเจ้าในการซื้อเก้าอี้นวดให้พ่อแม่เป็นของขวัญวันเกิด

ห่างหายจากการเขียนบล็อกมานานแค่ไหน! กรี๊ดดดดดดด!!! 555555555 สำหรับใครที่เคยผ่านเข้ามาอ่านบล็อกของเชอในอดีต และเห็นเชอห่างหายไป จริงๆ แล้วเชอไม่ได้หายไปไหนค่ะ หายไปทำงานนี่แหละ 555555555 เชอขออัพเดตอีกครั้งนะคะว่าตอนนี้เชอทำงานเป็นบรรณาธิการด้านความงามให้กับนิตยสาร ก็เลยไม่สามารถทำงานอะไรที่มัน Conflict กันได้ เชอก็เลยห่างหายจากการเขียนอัพเดตเรื่องสวยๆ งามๆ ไป


ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน เชอเคยแบ่งปันเรื่อง ฉันผอมลงได้เพราะ"พระเจ้า" :) l Thank God และ ขอบคุณพระเจ้าที่ถูกขโมยมือถือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว.. ที่ทำให้มีวันนี้ที่เกาหลี ซึ่งเป็นการแชร์ประสบการณ์ในชีวิตที่เชอได้สัมผัสพระเจ้าในหลายๆ แง่มุม และไหนๆ นี่ก็เป็นการคัมแบ็กสู่บล็อกในอ้อมอกในรอบสองปี ก็ขอประเดิมด้วยการเล่าเรื่องราวน่ารักๆ ของพระเจ้าในอีกมุมซึ่งก็คือการที่ "พระเจ้าช่วยเชอช้อปปิ้ง.. เก้าอี้นวด!!!!" 

"เก้าอี้นวด" ฟังดูเป็นสิ่งไกลตัวที่เชอเองก็ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้มาซื้อมัน 5555555555 และยิ่งในยุคนี้ที่เศรษฐกิจฝืดเคืองอีก อะไรที่ได้จุดประกายความคิดนี้ และพระเจ้ามีส่วนนำทางในการตัดสินใจครั้งนี้อย่างไร จิเล่าให้ฟังค่ะ

WHEN COVID REVEALS THE UNSEEN SIDE OF THINGS

อย่างที่เรารู้กัน (และอาจคุ้นชินกันไปแล้ว) กับชีวิตที่ต้องอยู่ติดบ้านเพราะโควิดบ้าบอนี่ ต้องกักตัว สวมใส่แมสก์ Work from home จนเฉาแถมยังทำงานหนักกว่าการทำออฟฟิศหลายเท่าตัว และจากการทำงานที่บ้านนี่เอง ทำให้เชอเห็นในสิ่งที่ไม่มีโอกาสได้เห็นมาก่อน นั่นก็คือการที่หม่อม(ม๊าของเชอ)ทำงานหนักมาก ซึ่งงานในที่นี้หมายถึงงานแม่บ้านค่ะ บ้านเชอมีพี่น้องสองคน ม๊าเชอเลิกทำอาชีพหมอกระดูกตั้งแต่คลอดเชอ ตั้งแต่เชอยังเด็ก บ้านเราจะมีแม่บ้านคอยช่วยทำงานสะอาดมาตลอด แต่ในหลายปีหลังมานี่การหาแม่บ้านเองก็เป็นเรื่องยาก และยิ่งช่วงโควิดนี้ที่ทุกอย่างดูสุ่มเสี่ยง หม่อมเลยตัดสินใจเลิกจ้างแม่บ้านไปก่อนเพื่อความปลอดภัยต่อทุกฝ่าย 

นั่นแปลว่าหม่อมกลายเป็นแม่บ้านเต็มตัว 100% ทำทุกอย่างตั้งแต่ตื่นแบบจริงๆ ปัดกวาดเช็ดถูซัก ทำอาหาร จ่ายตลาด และจุดนี้ก็ทำให้เราเห็นในความ"ชราลง"ของหม่อม รวมถึงท่านพ่อ (ป๊า) ด้วยเช่นกัน ท่านพ่อปัจจุบันก็ทำอาชีพแพทย์แผนจีน อายุปาไป 70+ ก็ยังเข้าคลินิกตรวจคนไข้ และก็รับบทนักซ่อม นักประดิษฐ์ทุกสิ่ง เวลาที่บ้านมีปัญหาอะไร น้ำไม่ไหล สายไฟมีปัญหา น้ำรั่ว ผนังแตก อะไรต่างๆ นานา ท่านพ่อเค้าก็จะรับบทช่างซ่อมเองหมด ซึ่งนั่นก็ทำให้เราเห็นถึงความชราภาพของทั้งสองชัดขึ้นทุกวัน 

ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหลัง เจ็บมือ เจ็บขา เป็นตะคริว สารพัดโรคค่อยๆ รุมเร้า ซึ่งเชอก็พยายามจะช่วยทำในสิ่งที่พอจะทำได้ ล้างจานเอย อะไรเอย (เรื่องเข้าครัวอย่าได้ถามเลย ต้มมาม่าเป็นก็เก่งแล้วจ้า ถถถถถถถ) แต่ทุกวันนี้ก็พยายามหัดทำกับข้าว ทำขนมอยู่ ค่อยๆ ฝึกปรือกันไปค่ะ คือเราทำเท่าที่เราจะทำได้ ลดภาระเค้าด้วยการหาซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นถูบ้านมาไว้ในบ้าน หาเครื่องล้างผัก อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในครัวให้ 


ด้วยสิ่งทั้งหมดที่เชอเห็น เชอเลยรู้สึกว่าไม่ได้ละ อย่างน้อยตัวเราไปช่วยเขาไม่ได้ตลอดก็อยากมีอะไรที่ทำให้สุขภาพเขาดีขึ้นบ้าง เลยปิ๊งไอเดีย "เก้าอี้นวดไฟฟ้า!" 

WHEN GOD HELPS ME SHOP.. A MASSAGE CHAIR!?

ไหนๆ ก็ใกล้วันเกิดของทั้งหม่อมทั้งท่านพ่อ เลยถือโอกาสรวบยอดเลยละกัน เมื่อไอเดียเกิด เชอก็หมกมุ่นกับการรีเสิร์ชข้อมูลเก้าอี้นวดไฟฟ้าเยอะมาก ทั้งแบรนด์ที่โฆษณาหนักๆ แบรนด์ใหม่ แบรนด์ที่ไม่เคยได้ยิน เชอตั้ง Budget กับตัวเองว่าไม่เกิน 40K
ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เชอใช้เวลาเป็นสัปดาห์กับการหาข้อมูลไปจนตี 2-3 ทั้งนี้เชอขอไม่เอ่ยชื่อถึงแบรนด์ที่ไม่ซื้อละกันเพื่อไม่เป็นการดิสเครดิต เพราะนี่เป็นคหสต.ของเชอล้วนๆ อ้อ ละนี่ไม่มีสปอนเซอร์นะคะ จ่ายเองล้วนๆ 

SPEC ที่มองหาในตอนแรก:
- 40K
- นวดเท้า น่องได้
- bluetooth
- function นวดเยอะๆ
- มีระบบความร้อน is preferred
- พับเก็บช่วงขาเป็นเก้าอี้ปกติได้ is preferred
- สีเข้ม
- ผ่อนได้ 0% 4-10 เดือน  

จนเชอมาเจอรุ่นที่เข้าตา 2 แบรนด์ แบรนด์หนึ่งคือ RESTER (ที่ตัดสินใจซื้อ) VS แบรนด์ X (นามสมมติ) 


ด้วย Range ราคาที่ลดแล้วก็ไม่เกินงบที่ตั้ง สเต็ปต่อไปก็คือหารีวิวไม่หยุดไม่หย่อนมาก และพบว่ารีวิวสองแบรนด์ X นั้นค่อนข้างน้อย ใจโลเลอยู่นานมาก กลับไปกลับมาระหว่างสองแบรนด์ โอกาสลองก็ไม่มี เรียกว่าอาศัยข้อมูลออนไลน์ล้วนๆ.. สุดท้ายใจคือเทไป X มากกว่าด้วยรูปลักษณ์และฟังก์ชั่นที่ดูทันสมัยกว่า แถมยังพับเก็บช่วงเท้าได้อีก 

แต่...

ไม่รู้ทำไม ในใจถึงรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจ ไม่ค่อยสบายใจนักกับการจะตัดสินใจ แต่เราก็ทักเฟซบุคไปสอบถามทางร้าน สิ่งที่ได้รับก็คือ auto message ให้ติดต่อเบอร์บริษัทไปสอบถามเพิ่มเติม โดยไม่มีพนง.ตอบใดๆ เฟซบุคร้านก็อัพเดตอยู่ ดูไม่ร้าง  

เชอตัดสินใจแอดไลน์ร้านไปคุย เชอสอบถามถึงราคารุ่นที่สนใจ ซึ่งแอดมินในไลน์ก็ค่อนข้างตอบช้า แม้จะเป็นช่วงเช้าตรู่แบบเวลาทำการ (ตามที่แจ้งในเฟซบุค) เชอลองแย้มๆ ถามถึงโปรโมชั่น (ที่ไม่ได้ปรากฏในสื่อ) ก็ได้ใน Range ราคา 35,xxx ซึ่งก็ยังอยู่ใน Range ที่รับได้ ผ่อนได้สิบเดือน แต่ดันไม่มีบัตรธนาคารที่เชอถือ และเชอก็ถามต่อเผื่อ "ถ้าจ่ายสดแบบไม่ผ่อน" จะเป็นเท่าไหร่ เผื่อมีราคาพิเศษเหมือนรุ่นอื่นที่ทางร้านจัดโปรสำหรับการจ่ายสด ก็ได้ลดเพิ่มไปอีกสองพัน ซึ่งก็ฟังดูดีใช่ไหม? 

แต่....

ไม่รู้ทำไม ใจเราก็ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจแปลกๆ ทำไมถึงยังไม่อยากตัดสินใจซื้อ ทำไมกัน..?
ด้วยงบประมาณนี้ เราผ่อนสบายๆ ได้ ไม่ต้องให้พี่สาวช่วยหาร ซึ่งตั้งแต่กระบวนการคิดซื้อเก้าอี้เนี่ย เชอไม่ได้เล่าให้พี่สาวฟังเลย เชอรู้สึกไม่อยากกวนเขามาจ่าย เพราะเรา absorb ไหวอยู่ วันนั้นเชอเลยตัดสินใจสมัครบัตรเครดิตธนาคารที่เค้ามีให้ผ่อน ซึ่งคาดเดาว่าวันถัดมาจนทธนาคารคงติดต่อมา แต่ก็ยังไม่มีวี่แวว แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร และก็หลังจากนั้นก็ดันเพิ่งมาเห็นดีเทลว่ามันต้องมีค่าใช้จ่ายรูดบัตรแสนห้าต่อปีจ้า... ซึ่งเราใช้ไม่ถึงแน่ๆ นั่นก็เป็นปัญหาที่ยังคิดไม่ตก ณ ตอนนั้น

WHEN UNEXPECTED SITUATION BRAKES YOUR PLAN

ระหว่างที่ยังง่วนเชียงกับการมุ่งมั่นซื้อเก้าอี้นวดให้ที่บ้าน การ WFH ของเชอก็เกิดความผีขึ้น ด้วยสายงานของเชอนั้นทำให้โปรแกรม Photoshop เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และด้วย Macbook อายุกว่า 5 ปีที่เชอใช้ บวกกับความจุเครื่องที่น้อย ทำให้เชอไม่ได้สามารถใช้โปรแกรมได้ หากใครเคยพบเจอปัญหานี้จะรู้ดีว่า "SCRATCH DISKS ARE FULLED" คำนี้มันปั่นประสาทมากแค่ไหน แม้จะลบข้อมูลในเครื่องมากแค่ไหนก็ยังใช้ไม่ได้ มันเหมือนถึงจุดสิ้นสุด สุดทาง นอกจากจะลบโปรแกรมอื่นในเครื่องออก (ซึ่งก็ล้วนเป็นโปรแกรมที่จำเป็นอยู่ดี ทั้ง final cut pro, office) จนเกิดไอเดียว่า หรือเราควรเอาเครื่องไป modify? ซึ่งนั่นแปลว่าต้องใช้เงิน! อีกแล้ว! เลยตัดสินใจทักไปถามร้านเดิมที่เคยซ่อม.... ใช่ เครื่องนี้ผ่านการซ่อมมาแล้วสองหนด้วยกัน!

*โปรดอิกนอร์ซิลิโคนคีย์บอร์ดชั้น มันร้องขอชีวิตนานละ 55555555555555

ประวัติความชิปหายกับ Macbook เครื่องนี้:
- จอแตกในต้นปี 2020 ค่าเปลี่ยน = 14K
- น้ำหกใส่ในปี 2019 ค่าซ่อมเมนบอร์ด = 3.5K

ได้ความว่า ค่าเพิ่ม ssd 6500 + Software 500 เลยทำให้ความคิดในการซื้อเก้าอี้นวดชะงักเล็กน้อย.. แต่เรายังไม่ได้ตัดสินใจจะส่งแมคไป (ด้วยยุคโควิด เราต้องส่งแกร๊บแมคไปให้ที่ร้านซ่อมอีกจ้า)

วันนั้นเลยทำให้เชอต้องฝากฝังน้องกราฟฟิกทำงานให้แทน แม้จะเป็นงานง่ายๆ ก็ตาม (แค่วางรูป ไดคัตไรงี้) และเย็นช่วงนั้นเชอก็ได้ปรึกษาอาจารย์คริสเตียนที่เคยเรียนด้วยสมัยมหาลัย และยังคงติดต่อกันทุกวันนี้ เขาเป็น Expert MAC ขั้นสุด 

จากการที่อาจารย์รีโมตมาดูเครื่องก็ทำให้เชอได้คำตอบว่า "ไม่ควรเปลี่ยนซอฟต์แวร์แล้ว" เพราะเครื่องรับไม่ไหว ถ้าอัพเดตไปจะยิ่งอืด แนะนำให้ "ซื้อใหม่" ดีกว่า และนั่นก็ยิ่งทำให้ความคิดในการซื้อเก้าอี้นวดชะงักแบบเบรกหน้าหงาย.. ความจริงจะมี Macbook 2021 ออกในปลายปีนี้ ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจในราคา เลยลองกดรุ่นที่ขายในปัจจุบันใส่ตะกร้าเล่นๆ แอดฟังก์ชั่นแอดอะไรที่จำเป็น เบ็ดเสร็จปาไปเกือบ 70K!!!!!!! 

ณ จุดนี้เลยทำให้เราคิดหนักมาก ระหว่าง Macbook ที่ก็เป็นสิ่งจำเป็นกับการใช้งานในปัจจุบัน VS เก้าอี้นวดที่จะซื้อสุขภาพให้ป๊าม๊า หรือจะหาทางจัดการแมคเครื่องเดิมที่มีให้ใช้ได้แก้ขัดไปก่อน หรือ... จะบอกพี่สาวดี เพราะเราก็คง absorb ไม่ไหว หากให้ซื้อแมคใหม่ในตอนนี้... แต่ใจก็ยังไม่อยากกวนพี่สาวอยู่ดี

เย็นวันนั้น ณ โต๊ะอาหารที่บ้าน

ด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดที่วกวนในหัว ไม่รู้อะไรดลใจให้เอ่ยปากถามพี่สาว....
เชอ: วันเกิดป๊าม๊าปีนี้ซื้อไรให้อะ?
และนั่นก็เป็นจุดที่ทำให้เราบอกเขาว่าเราอยากซื้อเก้าอี้นวดให้ รวมถึงเล่าเรื่องแมคให้ฟัง จนได้ความจากพี่สาวว่า เขาสามารถแชร์ค่าของขวัญวันเกิดให้ป๊าม๊าได้ รวมถึงค่าแมคเองก็สามารถซื้อในสิทธิ์นักศึกษาได้อีกด้วยสายงานของเขา..

ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นสิ่งที่พระเจ้าเตือนบอกเรา.. ให้รู้ว่าเราก็ยังมีพี่น้องในครอบครัวคอยช่วยเหลืออยู่ คืนวันนั้นเลยนั่งกดตะกร้าแมคบุคไปเรื่อย ดูข้อมูลไปเรื่อย ทั้งรุ่นใหม่ที่กำลังจะมา และรุ่นที่อยู่ในตะกร้าพร้อมเอฟ.... 

แต่....

ทำไมอีกนะ ใจก็ยังไม่พร้อม รู้สึกว่าแมคเดิมก็ใช้ได้ แค่มันปั่นประสาทเพราะข้อมูลไม่พอเท่านั้นเอง ทุกอย่างยังดีอยู่ ไม่รีบร้อน จะซื้อปีหน้าตอนรุ่นใหม่เข้าไทยก็ไม่เสียหาย สุดท้ายเลยตัดสินใจ "ยังไม่ซื้อ" รอปีหน้าละกัน
เชอเลยแก้ปัญหาด้วยการลบโปรแกรม Final Cut Pro ออกชั่วคราวไปก่อน เพราะตอนนี้ก็ไม่ได้มีความจำเป็นใช้งานอะไร... ซึ่งก็ได้ผล แก้ขัดไปได้อยู่

กลับมาที่เรื่องเก้าอี้นวด

ด้วยเหตุการณ์ความวุ่นยุ่งกับแมคเอย งานเอย ทำให้การคุยกับจนทเก้าอี้นวดไม่ปะติดปะต่อเท่าไหร่นักในช่วงวันสองวันนั้น แต่ยังไงก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่อยากให้หม่อมและท่านพ่อสบาย เชอเลยตั้งใจว่า เออเดี๋ยวโทรคุยกับทางร้านวันหยุดสุดสัปดาห์ดีกว่า จะได้เคลียร์ๆ เรื่องรายละเอียดทั้งข้อสงสัยด้านตัวเครื่องและการผ่อน 

ในคืนก่อนหน้า เชอก็พูดกับพระเจ้าว่าขอให้ทุกอย่าง ทุกการตัดสินใจ เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ถ้าพระเจ้าจะให้ตกลงซื้อก็คงจะสำเร็จเอง แต่ถ้าไม่ก็ขอให้การคุยกันกับเจ้าหน้าที่ในวันรุ่งขึ้นไม่เกิดผล 

ณ หนึ่งในวันเสาร์ของเดือนสิงหาคม
เชอตื่นมาพร้อมความคิดวกวนเดิมๆ คือเรื่องเก้าอี้นวด 55555555 ด้วยนิสัยที่เป็นคนไม่ชอบค้างคา เรามุ่งคิดจะทำอะไรแล้วต้องทำให้เสร็จ ให้จบ สบายใจ ในช่วงเที่ยงวันนั้นเลยโทรไปที่เบอร์บริษัท 
เชอ: สวัสดีค่า นี่ใช่แบรนด์เก้าอี้ xxx รึเปล่าคะ?
จนท: ครับ
เชอ: จะขอสอบถามรายละเอียดตัว xxx ค่ะ
*จนทแจ้งข้อมูล*
ซึ่งคำตอบที่ได้ก็เป็นที่พอใจ จนกระทั่งถามถึงรายละเอียดการเงิน เพื่อ crosscheck ข้อมูลที่เราได้รับล่าสุดทางไลน์
เชอ: xxx มีโปรอะไรบ้างคะ?
จนท: ตอนนี้โปรหมดแล้วครับ
เชอ: อ้าวหรอคะ? เห็นวันก่อนแอดมินในไลน์ยังแจ้งข้อมูลโปรโมชั่นมาอยู่เลย พร้อมรายละเอียดจ่ายแบบเต็มจำนวน
จนท: อ่อ โปรมันเพิ่งหมดไปวันที่..น่ะครับลูกค้า (ซึ่งวันที่จนทแจ้งว่าหมดโปรก็เป็นวันที่เชอยังคุยดีเทลโปรกะแอดมินในไลน์อยู่==)
ซึ่งตัวเชอก็ยังไฝว้ต่อค่ะ เชอบอกจนทว่า ลองสอบถามให้หน่อย ถ้าเราจ่ายเต็มจำนวน เขาจะยังมีโปรได้อยู่มั้ย จนทเลยบอกว่า ถ้าลูกค้าอยากได้จริงๆ เดี๋ยวเขาจะถามนายให้ แล้วโทรกลับ "ภายในสองนาที"

หลังวางสาย... ใจหนึ่งก็รอคำตอบ อีกใจก็รู้สึกเอะใจแปลกๆ หรือว่านี่จะเป็นคำตอบของพระเจ้านะ..
จนเวลาผ่านพ้นเลย 2 นาที.. ครึ่งชม. ... ครึ่งวัน และตลอดจนถึงทุกวันนี้ 
เชอก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับใดๆ จากแบรนด์ X...

เชอเลยรู้ชัดว่าพระเจ้า Says No! ลองคิดดูนะทุกคน ด้วยเศรษฐกิจตอนนี้ การที่ลูกค้าคนหนึ่ง offer เงินไปให้ ทั้งโทรไปเองไรเอง แต่บริการก่อนการขายยังเป็นแบบนี้ ตอบช้า ไม่ติดตามงาน แล้วบริการหลังการขายจะขนาดไหน! เราเลยปัดตกไปกับแบรนด์นี้..

WHEN GOD'S PLAN IS BETTER

ในคืนวันเดียวกัน เชอตัดสินใจนับ 1 ใหม่กับการหาข้อมูล RESTART หนึ่ง! จู่ๆ เราก็ลองมองตัวที่อยู่นอกเหนือจากสเปกความต้องการในตอนแรก เริ่มมองหาตัวที่ราคาสูงกว่า 40K จนกระทั่งมาเจออีกยี่ห้อที่ก็ดูดีเลยทีเดียว แต่สีสันยังไม่โดนใจ และรีวิวก็น้อยตามเคย จนมาวนถึง "RESTER" อีกครั้ง..

เราเคยได้ยินชื่อ RESTER มานานหลายปีมาก พอเราเข้าเฟซบุคทางร้านก็เห็นว่ารุ่นท็อปๆ มีจัดโปรได้ค่อนข้างดึงดูดพอสมควร คือรุ่น BE PRO, PRESIDENT ลดเยอะแถมยังมีโปรผ่อนอีก 0% x 10 เดือน  




จากการที่เชอมีพี่สาวช่วยแชร์แล้ว เลยอ่ะ ลองดูหน่อย ค่าเท่ากันกับงบที่เราคิดไว้ผ่อนคนเดียวตอนแรก
เชอเลยตัดสินใจทักไลน์ RESTER ไปถาม และไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับการตอบกลับอะไร เพราะตอนนั้นมันปาไปสองทุ่มกว่าในวันเสาร์อีกต่างหาก
ทันทีที่ทักไปก็คือ มีแอดมิน 3 คนตอบกลับมาพร้อมกันในวินาทีนั้น อย่างกะรอเชอพิมพ์ไปงั้นอะ! 555555555 เป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์เบาๆ เชอก็สอบถามข้อมูลไปทั้งสองรุ่นซึ่งแอดมินส่งข้อมูลกลับมาให้เชอเร็วมาก ถามไรก็ตอบไว ตอบหมด จนบอกให้เชอไปทดลองนั่งได้ที่โชว์รูม ซึ่งเขาก็เปิดให้บริการในช่วงโควิดด้วย ด้วยความใจร้อน เราพร้อมจะไปทดลองในวันรุ่งขึ้นเลย แต่ร้านปิดเลยนัดไปวันจันทร์เย็นๆ แทน ละที่เซอร์ไพรส์สองคือ โชว์รูมใกล้บ้านมากกกก ใกล้จริงๆ ขับแบบไม่ติดก็สิบนาทีถึง จากการดูข้อมูลก็ทำให้เราได้รุ่นในใจละ ซึ่งก็คือ "BE PRO"

ในคืนวันอาทิตย์ เราก็นั่งหาข้อมูลตัวดังกล่าวไปเรื่อย ดูรีวิวไปพลางๆ จนอะไรก็ไม่รู้ดลใจอีก ทำให้เสิร์ชหาดู Market place ที่ขายรุ่นเดียวกัน จนทำให้เราพบว่า ราคาของ Market place นั้นถูกกว่าอี๊ก! (ถูกกว่าห้าพัน!!!) แต่ข้อเสียคือผ่อนได้ x 4 เดือน 0% แถมเค้าไม่มีบัตรธนาคารที่เราถืออีก แต่พี่สาวเรามี ซึ่งนั่นก็เกิดความคิดที่จะทำให้เราอยากซื้อกับเจ้านี้ แต่ก็ทำการนัดเข้าไปลองที่โชว์รูมในวันรุ่งขึ้นแล้ว  

เสียงความรู้สึกผิดมันดังฟ้องในใจอยู่ตลอด ถ้าเราจะตัดสินใจซื้อกับทาง Market place หลังจากที่เราได้รับบริการอย่างดีทางไลน์ ตาก็จ้องสินค้าในตะกร้าที่พร้อมเอฟตลอด วกวนเป็นลูปอยู่หลายครั้งต่อวัน จนกระทั่งบอกตัวเองว่า 

"หยุด! พัก! อธิษฐานและฝากไว้กับพระเจ้าสิ!!!"

ใช่.. ทำไมเราต้องมาวกวนอะไรขนาดนี้ ทำไมไม่ฝากไว้กับพระเจ้าแล้วนอนซะ คืนวันนั้นเลยอธิษฐานบอกพระเจ้าให้เราเองก็สงบ ใจเย็น เชื่อพระเจ้า ไม่ต้องรีบร้อน ไหนๆ นัดเข้าไปทดลองแล้วก็ไปตามนัดซะ ยกความกังวลที่ว่า 'ถ้าเราจะปฏิเสธทางร้านแล้วซื้อทาง Market place จะเป็นอย่างไร' ให้กับพระเจ้า เผื่อพระเจ้าจะมีทางเลือกที่ดีกว่า ทางเลือกที่ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องบัตร ทางเลือกที่ลงตัวที่สุด....

จนกระทั่งถึงวันนัด
ช่วงเช้าของวัน มีธนาคารบัตรเครดิตที่เชอสมัคร โทรมาสอบถามว่าเชอสมัครบัตรเครดิตใช่ไหม ซึ่งพอเชอเห็นว่าเชอคงไม่ได้ใช้บัตรเครดิตธนาคารดังกล่าวอีกแล้ว เลยปฏิเสธเขาไปว่าไม่ทำแล้ว ซึ่งจุดนี้ก็ขอขอบคุณพระเจ้าอีกหนึ่ง เพราะถ้าเขาติดต่อเรามาในวันสองวันนั้น เราก็คงตัดสินใจซื้อเก้าอี้ยี่ห้อ X ด้วยบัตรเครดิตนี้ ที่เราไม่ได้เช็คเงื่อนไขให้ดี 

เมื่อถึงเวลานัด เชอก็ขับไปจอดที่โชว์รูม ซึ่งก็มีพื้นที่จอดโอเค ไม่ลำบาก เริ่มแรกเราก็ลองนั่งรุ่น TITAN ที่เคยเล็งไว้เป็นตัวแรกๆ ก็ยังไม่ถูกใจนัก พอมาลอง BE PRO ก็รู้สึกต่าง แต่ก็ยังมีจุดที่ยังไม่ชอบ รู้สึกยังไม่สบายที่สุด ซึ่งก็ขอบคุณพระเจ้าที่แบบไม่ได้รีบร้อนกดซื้อทาง Market Place ไปตอนนั้น พอได้มาลองนั่งจริงละมันมีส่วนในการตัดสินใจจริงๆ 

จนกระทั่งเซลล์บอกให้ลองนั่งอีกตัวคือ PRESIDENT ซึ่งเป็นรุ่นที่เราตัดชอยส์ออกไปแล้ว เพราะหนึ่ง ตัวใหญ่ สองคือมันก็ 99K อ่ะนะ แบบเกินที่คาดไว้ไปพอสมควร แต่ถามว่าจ่ายไหวไหมมันก็ได้อยู่ บวกเพิ่มไม่มาก ก็เลยเอออ่ะ ลองนั่งก็ไม่เสียหาย  

พอลองนั่งเท่านั้นแหละ.. 

"คนละเรื่อง" ความรู้สึกมันต่างมาก และสบายมาก.. อย่างน่าประหลาดใจ ระหว่างนั่งนวดไปเราก็พูดคุยกับเซลล์เป็นเวลาสักพักใหญ่ ถามไปเรื่อยในสิ่งที่สงสัย จนเราเริ่มคิดละว่า "ฉันจะซื้อตัวนี้" เราเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเขาเป็นเจ้าเดียวกับ Market place xxx รึเปล่า เพราะบอกตรงๆ เราเจอดีลลดที่ถูกกว่า แต่เรานัดมาลองแล้วเลยมา เซลล์ก็ตอบแบบรู้ได้ทันทีว่ามันคือดีลไหน ลดเท่าไหร่ และแจ้งว่ามันคือก็คือของบริษัทเหมือนกัน ส่งจากที่เดียวกัน แต่ข้อเสียคือมันผ่อนได้สี่เดือน แต่ทางที่สาขาสามารถผ่อนได้ 10 เดือน 0% แถมยังมีบัตรธนาคารที่เราถือ และเขาก็ยังให้ส่วนลดเราได้เท่ากันอี๊ก!!! ซึ่งนั่นเป็นคำตอบที่ทำให้เราสบายใจมาก เหมือนยกภูเขาออกจากอก 555555555

จนเราตัดสินใจตกลงซื้อกับเขา เบ็ดเสร็จถ้าลดตามโปร 5,000 ก็จะเหลือ 94K คุยไปคุยมา ได้ของสมนาคุณพิเศษแถมมาอีก แต่ขอไม่บอกละกันค่ะ 55555555 ใครสนใจหลังไมค์มาถามได้ เพราะนี่เชื่อว่าเซลล์แต่ละคนมีวิธีการขายของไม่เหมือนกัน 


WHEN GOD'S PLAN IS "REALLY" BETTER THAN YOURS

พอถึงขั้นตอนการรูดบัตร เราก็รูดไป จนตอนเซ็นเอกสาร ก็เห็นว่ายอดบิลคือ 90K ถ้วน!!! เซอร์ไพรส์! ซึ่งคาดว่าเป็นโปรลดต่อจากบัตรเครดิต 55555555555 คือโคตรเซอร์ไพรส์ โคตรแฮปปี้!!! unexpected มากจริงๆ

สรุป เราได้..
- เก้าอี้นวดในราคาที่ดีที่สุดสำหรับเรา ผ่อนได้ในสิบเดือน ในบัตรเครดิตที่เรามีอยู่แล้ว
- ของแถม xx
- เซฟปัญหาจากหนี้บัตรเครดิตใหม่ที่อาจเกิดในอนาคต จากความวู่วามของเรา (ที่พระเจ้าเองก็ยังช่วยยั้งไว้ทัน)
- เซฟปัญหาจากเก้าอี้แบรนด์อื่นที่อาจมีคุณภาพและบริการหลังการขายที่ไม่ดีพอ

จากความกังวลทั้งหมดของเรา มันทำให้เราสบายใจขึ้นมาก แต่ทว่า.. วันรับสินค้าคือ 14 กันยายน ซึ่งเป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์หากนับจากวันที่สั่งคือ 23 สิงหาคม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เนอะ เลยได้แต่รอ

WHEN I HAVE TO BE PATIENT 

นับจากวันที่สั่งสินค้าไป เชอก็ได้แต่เฝ้ารอ ใจเฝ้ารอทุกวัน ทุกวัน รู้สึกว่าวันเวลาผ่านไปช้ามาก เดือนสิงหาคมช่างยาวนานเหลือเกิน เพราะนับวันที่เห็นหม่อมและท่านพ่อปวดเมื่อยตัว เหนื่อยกับงานบ้านงานอะไรก็รู้สึกแย่ อยากให้เขาได้ผ่อนคลายบ้าง.. พยายามไม่คิดมาก แต่ก็อดคิดถึงไม่ไ้ด้อยู่ดี ในหลายๆ คืนเชอเลยเริ่มอธิษฐานบอกพระเจ้าอย่างจดจ่อและตั้งใจ ขอให้พระเจ้าดูแลหม่อมและท่านพ่อ ดูแลสุขภาพทั้งสองให้แข็งแรง ปลอดภัยจากโควิด และขอให้เวลาผ่านพ้นไปไวๆ หรือเป็นไปได้ ขอให้เชอได้เก้าอี้นวดไวขึ้นได้ไหม...

ช่วงนั้น เชอเองก็มีทักไปคุยกับเซลล์ด้วยว่า ถ้าหากเก้าอี้นวดได้ไวขึ้นอย่างไร ขอให้เค้าแจ้งมาหน่อย ซึ่งทางเซลล์ก็รับทราบ แต่ก็เงียบไป ซึ่งเราก็ไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะเข้าใจดีในระเบียบคิว ได้แต่อธิษฐานต่อไป แถมยังตั้งเวลา countdown วันรับของในแอพอีก 55555555 

นับจากวันที่ 23 สิงหาที่สั่ง.. ผ่านพ้นไปหนึ่งสัปดาห์ด้วยความรู้สึกที่นานแสนนาน จนเข้าสัปดาห์ที่สอง เชอเริ่มต้นวีคนั้นด้วยความประหลาดใจ.. ทุกอย่างในวีคนั้นผ่านพ้นไปไวมาก ไวแบบ เห้ย นี่เผลอแปปเดียวหมดวันแล้วหรอ!? วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ จนกระทั่งวันพฤหัส มีเบอร์แปลกโทรเข้า

เชอ: ฮัลโหล
ปลายสาย: ฮัลโหล สวัสดีค่า โทรจากบริษัท RESTER นะคะ
เชอ: ..... OO ค่า (ในหัวคือประมวลผลอยู่ว่าเอ๊ะ.. ยัง ไงงง พอไม่ทันได้คิดก็..)
ปลายสาย: พอดีเราจะเข้าไปส่งสินค้าในวันที่ 4 นี้น่ะค่ะ ไม่ทราบว่าลูกค้าสะดวกรับช่วง 10 โมงมั้ยคะ?
เชอ: OO..... *Praise the lord!!!* (ในหัวตอนนั้นคือแบบ อมกกกกกก พระเจ้าน่ารักมากกกกกก แบบดีใจมากกกกก) 

แล้วเราก็คุยนัดเวลงเวลาไป ซึ่งเราก็เก็บเงียบมาโดยตลอด จนเริ่มมีเกริ่นกับท่านพ่อก่อนว่าวันเสาร์จะมีของขวัญมาส่งนะ เวลานี้ๆ ป๊าอยู่บ้านไหม ซึ่งเค้าก็งงๆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร (ยังไม่ได้บอกหม่อม)

จนวันก่อนรับมอบเก้าอี้ เชอก็บอกกับป๊าม๊าว่าจะมีของขวัญมาส่ง เป็นของขวัญวันเกิดโดยเชอและพี่สาว แต่ต้องยกขึ้นชั้นสามนะ มันหนักมากว่าไป เค้าก็ดูทายเป็นตุเป็นตะกันใหญ่ ท่านพ่อทายขำๆ ว่าเป็นตู้เซฟใส่ทองร้อยโล ส่วนหม่อมมีเดาว่าเป็นเก้าอี้นวดด้วยเว้ย (รู้ได้ไงวะ..  5555555555) นี่ก็ยังไม่เฉลย พอนางรู้จากท่านพ่อว่าหนักเกือบร้อยโล นางก็มีโวยวายเล็กน้อยแหละ แบบหนักมากไม่เอานะ เดี๋ยวพื้นยุบ เดี๋ยวพื้นถล่ม==.... ถ้าจะซื้อเครื่องออกกำลังกายมาไว้ในห้องไม่เอา คือพูดเองเออเองเป็นเรื่องเป็นราว บ่นตามสไตล์เจ๊ก 55555555 นี่ก็เงียบๆ ไม่บอกไร เอาไว้เซอร์ไพรส์ทีเดียว  

เมื่อถึงวันนัด ปรากฏว่าเขาโทรมาหลายสายในตอนเช้ามาก ซึ่งอิเชอยังไม่ตื่นจ้า เพราะตามเวลานัดส่งคือบ่ายสาม แต่นี่ก็โทรกลับไปราวๆ เที่ยง จนทขนส่งแจ้งว่าเหลือคิวแค่บ้านเรา ถ้าขอมาส่งเร็วขึ้นในอีกครึ่งชม.ได้ไหม นี่ก็งงๆ อึนๆ เมาขี้ตาอยู่ เลยบอกว่าเดี๋ยวขอเช็คกับทางบ้านก่อน สรุปก็ได้ความว่าหม่อมและท่านพ่ออยู่บ้านพร้อม เลยอ่ะโอเค ส่งได้ 

เมื่อถึงเวลาส่ง จนทก็เข้ามาดูบ้านเพื่อประเมิน สรุปว่า... บันไดบ้านนี่แคบไปจ้า!!! ยกขึ้นชั้นสามไม่ได้
อันนี้ไม่ได้เป็นความผิดจนทขนส่งนะ ตอนที่เราซื้อจากที่เช็คกับเซลล์ก็คือเช็คที่ความกว้างประตู บันได แต่ไม่ได้นึกถึงช่วงตีโค้ง และรู้มาว่ามันถอดชิ้นส่วนประกอบได้ ซึ่งนั่นก็เลยทำให้ไม่คาดคิดว่ามันจะกว้างขนาดยกขึ้นบันไดที่มีจุดเลี้ยวหรือสิ่งกีดขวางไม่ได้

สุดท้ายเลยเอาไว้ห้องนั่งเล่นชั้นล่างแทน ซึ่งก็ขอบคุณพระเจ้ามากที่มีพื้นที่พอไหว (จากที่จะเซอร์ไพรส์ป๊าม๊าเกือบได้เซอร์ไพรส์ตัวเองละไง 555555555555) อุปสรรคเยอะจริ๊งงง

จนทขนส่งก็ติดตั้งให้เสร็จสรรพ เรียบร้อย พูดจาดี แถมยังเป็นเจ๊กเหมือนกันอีกเลยช้งเช้งภาษาจีนกะหม่อมไปสบาย 


WHEN I SEE THEIR SMILES

และแล้วก็ถึงเวลาที่หม่อมกะท่านพ่อได้ลองนวด เริ่มจากหม่อมก่อน พอนางได้ลองนั่งเท่านั้นแหละ นางก็ยิ้มออก และพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า "อุ้ย นี่นวดดีนะ ป๊ามาลอง" ซึ่งเท่านั้นแหละ นี่แบบชื่นใจ เหมือนทุกสิ่งในใจที่หนักอึ้งมานานมันหมดไปละ โล่ง... และเราก็ได้โอกาสเล่าทุกสิ่งตั้งแต่ต้นว่าเกิดอะไรขึ้น กว่าจะได้เก้าอี้ตัวนี้มามีที่มาที่ไปอย่างไร รวมถึงแบ่งปันด้วยว่าเราขอพระเจ้าให้ได้เก้าอี้นี้มาไวๆ ซึ่งเขาก็ขำๆ (ทั้งบ้านเชอไม่มีใครเป็นคริสเตียน) 

เออละไม่รู้หม่อมพูดจริงหรือแซวนะ นางบอกว่า เนี่ยอั๊วแบบกำลังคิดอยากได้เก้าอี้ตัวนึงมานั่งดูหนังสบายๆ อยู่พอดี ละลื้อก็ซื้อมา.. พระเจ้านำนะเนี่ย (นางสื่อกึ่งแซวๆ ที่นี่เล่าเรื่องพระเจ้านำให้ฟัง) 5555555 เชอก็ได้แต่แอบหวังใจเล็กๆ ว่าเขาจะรู้สึกถึงเมล็ดที่หว่านตรงนี้มาเป็นเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมาได้ ทีละนิดๆ ให้เขาได้สัมผัสความรักของพระเจ้าบ้างทีละน้อย จนวันที่เขาจะเปิดใจรับจริงๆ

EVENTUALLY...

จากเรื่องราวทั้งหมดที่เชอเล่ามานี้ พระเจ้าได้สอนอะไรหลายๆ อย่างกับเชอมาก ไม่ว่าจะเป็น
1. การให้พระเจ้านำทาง - เชื่อว่าพระเจ้าจะนำพาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้จริงๆ หากในวันนั้นเชอไม่ฟังเสียงพระเจ้า ไม่สนิทมาพอที่จะได้ยินเสียงฟ้องในใจ ป่านนี้เชอคงมานั่งเสียดายกับการตัดสินใจผิดพลาดที่จะทำให้ทั้งเสียเงิน เสียเวลา สร้างหนี้และปัญหาจากบัตรเครดิตใหม่ในระยะยาวอีก
2. เตือนใจว่าเรามีพี่น้องในครอบครัว - บางทีหากเราไม่เอ่ยปากอะไรกับคนในครอบครัวเลย มันก็คงไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีมากนัก เหมือนพระเจ้าใช้เหตุการณ์ความชุลมุนของ Macbook ตอนนั้นเบรกเชอ และทำให้เชอต้องเอ่ยปากจากพี่สาว และเชอก็ได้รับการช่วยเหลือจริงๆ
3. การช่วยเหลือจากพี่น้องในพระคริสต์ - อย่างที่เล่าไปข้างต้นว่า อาจารย์ที่เป็น Mac expert ที่ได้มาช่วยดูแมคให้ ซึ่งเชอก็เชื่อว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการพระเจ้าเช่นกัน ถ้าอาจารย์ไม่ได้เตือนว่าแมคเชอไม่เหมาะกับการอัพเดต หรือเพิ่มความจุใดใดแล้ว และแนะนำว่าควรซื้อใหม่ ผลสุดท้ายก็อาจไม่ออกมาเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
 4. เชื่อมั่นใจแผนการของพระเจ้าสุดจิตสุดใจ - แม้พระเจ้าจะนำมาถึงชอยส์ในการซื้อที่สาขาโชว์รูปโดยตรงแล้ว เชอก็ยังมีใจที่ไปมองหาเจ้าที่คิดว่าให้ราคาดีกว่า แต่สุดท้าย ทางเลือกที่พระเจ้าชี้นำให้มันดีที่สุดแล้วจริงๆ ได้ราคาเก้าอี้ดีกว่าทุกที่ที่เห็นมาโดยที่เราไม่ลำบากหาบัตรใหม่ และยังไม่รู้สึกผิดต่อจนทที่ให้เราช่วยเหลือเราอย่างดีอีกต่างหาก
5. พลังแห่งการอธิษฐาน - การอธิษฐานสำหรับคริสเตียนมันไม่ใช่แค่การอธิษฐานขออะไรไปวันๆ แต่มันคือการพูดคุยกับพระเจ้าในรูปแบบหนึ่ง รวมถึงการได้ยินเมสเสจที่พระเจ้าจะบอกด้วย ซึ่งการที่เชอตั้งใจบอกกับพระเจ้า ตั้งแต่ขอการคอนเฟิร์มในการซื้อเก้าอี้รอบแรกกับแบรนด์ X, โค้งสุดท้ายในการสั่งซื้อ ตลอดจนการขอให้เวลาผ่านพ้นไปไวๆ เพื่อให้ได้รับเก้าอี้เร็วๆ.. แล้วพระเจ้าก็ทำให้มันเกิดจริงๆ เชอใช้เวลารอเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ แถมในช่วงสัปดาห์ที่สองยังผ่านไปไวเหมือนบินได้จริงๆ


GOD CARES ABOUT LITTLE THINGS IN OUR LIVES

เรื่องนี้ มันอาจฟังดูเป็นเรื่องเล็กในสายตาใครบางคน "แค่การซื้อของ ทำไมต้องพึ่งพระเจ้า.. งมงายอะไรขนาดนั้น..?" ซึ่งมันก็ไม่ผิดที่คุณจะคิดแบบนั้น และเชอเข้าใจดี แต่ทั้งนี้เชอก็ยังอยากที่จะแบ่งปันการสำแดงความรักของพระเจ้าในแง่มุมที่ใครมองว่าเป็น "เรื่องเล็กๆ" นี่แหละ ให้เห็นว่า 

"แม้จะเป็นเรื่องเล็กแค่ไหน..​พระเจ้าก็ยังใส่ใจ" 

แม้ตอนนี้ นาทีนี้ที่พิมพ์เรื่องราวนี้อยู่ จะได้เก้าอี้มาแค่วันสองวัน แต่การได้เห็นป๊าม๊าเหนื่อยๆ แล้วมานั่งนอนนวด แค่วันละ 15-20 นาที เชอก็แฮปปี้มากแล้วจริงๆ 

และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น สำหรับพี่น้องคริสเตียนด้วยกันและใครที่ได้อ่านจนถึงบรรทัดสุดท้าย เชอก็อยากขอบคุณและหวังว่าเรื่องเล็กๆ เรื่องนี้มันจะหนุนใจทุกคนได้ และก็ไม่ต้องอายหรือกลัวว่าจะเป็นเรื่องค้านสายตาใคร ถ้าเราจะอธิษฐานกับพระเจ้าไปทุกเรื่อง แม้กระทั่ง "เรื่องเล็กๆ" การที่ลูกจะเล่าเรื่องอะไรให้พ่อฟังมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร จริงไหม? :) อ้อ และต่อให้คุณจะไม่ใช่คริสเตียนก็อธิษฐานได้เช่นกัน เพียงแค่คุณลอง "เปิดใจ" พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระเจ้าแห่งความรักองค์นี้ก็พร้อมต้อนรับคุณเสมอ..
ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกคน และคุ้มครองทุกคนให้ปลอดภัยจากโควิดด้วยนะคะ 


“I have told you these things, so that in me you may have peace. In this world you will have trouble. But take heart! I have overcome the world.” - John 16:33





















Share:
© cherriiecherry | All rights reserved.
Blog Design Handcrafted by pipdig