Thursday, September 28, 2017

REVIEW: เพ้นท์เล็บเจลสุดชิค! ที่ Hugs x Kisses Nail Bar @ สุขุมวิท 26

ทะด๊าาา!!
 วันนี้อิเชอจิพาเพื่อนๆมาชมร้านทำเล็บชิคๆย่านทองหล่อกันนะฮ้าา
ซึ่งก็คือ Hugs x Kisses Nail Bar นั่นเองงง
ซึ่งเป็นร้านของพี่สาวคนสวยที่อิเชอรู้จักเปิดเองเลยจ้า 
ชะแว้บไปดูการเดินทางสักหน่อย.
แผนที่
ถ้าใครไม่ขับรถ สะดวก BTS ง่ายเลยค่ะ
ลง BTS พร้อมพงษ์
แล้วเดินเข้าซอยสุขุมวิท 26 ตรงยาว
จะผ่านพวก resident อะไรต่างๆ ผ่านคลับ KUSH 
จนเจอโครงการ THE TWENTY SIX
มุ่งหน้าขึ้นชั้น 2 โลด!!
.
.
เข้ามาถึงปุ๊ป แกร บรรยากาศร้านดีมากกก <3
คือโทนสีสบายตา เป็นสีที่อิเชอชอบส่วนตัว เทาชมพูขาว
กลิ่นอโรม่าหอมอ่อนๆ การตกแต่งดูดี เรียบแต่มีความหวานเล็กๆ

ไม่ทันได้นั่ง เจ้แพรว (เจ้าของร้าน)
นางนำเมนู complimentary drink มาให้เลือก
คือมีบริการน้ำให้ลูกค้าที่มาทำด้วยค่ะ
รู้ใจมาก อิเชอกำลังคอแห้งเดินเหงื่อแตกมาจาก BTS 555555
ก็เลยเลือกเมนู
"Strawberry lemonade" ไป
อันนี้จะเป็น italian soda ค่ะ

Share:

Friday, September 22, 2017

REVIEW : STORY SEOUL SKINCARE สกินแคร์เพื่อสุขภาพผิวดีจากเกาหลี!

สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคนนนน ^O^ หลังจากไม่ได้รีวิวสกินแคร์มาชาติเศษ
วันนี้อิเชอกลับมาแล้วค่ะ วันนี้จะมารีวิวสกินแคร์แบรนด์นึงของเกาหลีเพื่อนๆ
อาจจะไม่คุ้นหน้าคุ้นตามาก เนื่องจากโปรดักส์มันไม่ได้ mass ขนาดนั้น 
แบรนด์ที่ว่านี้ก็คือ “STORY SEOUL” ค่าาา 

ต้องขอบคุณคุณVivianเจ้าของแบรนด์ด้วยที่ส่งมาให้เองกับมือเลย
Vivian, ifyou’re reading this, I’d like to thank you again for the products! I really love them! :D
เนื่องจากทางเจ้าของแบรนด์เค้าอ่านไทยไม่ออกนะคะ555555 เลยขอขอบคุณออกสื่อนิดนึง
ถือเป็นสปอยล์ไปละตะกี้อ่ะเข้าเรื่องแบรนด์ที่ว่านี้ผลิตที่เกาหลี 100% เลยค่ะ

ทะด้า~!!


หน้าสดจริงไรจริง! 555555555555 ใช่แล้ว ชุดที่เห็นคือชุดนอนอิชั้นเองค่ะ
ต้องการ mood/tone ธรรมชาติไสย ไสย สุด.
อะต่อๆ 
ผลิตภัณฑ์ของ STORY SEOUL นั้น ถือว่าอยู่ในกลุ่มที่ช่วยให้ผิวสวยเนียน กระจ่างใส 
ชุ่มชื้น ชะลอริ้วรอยแห่งวัย และที่สำคัญที่สุดก็คือ ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ 
ได้ลุคผิว Healthy โดยมีจุดเด่นตรงที่ ปลอดสารอันตราย 100% คือเน้นส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติปลอดภัยต่อผิว
เท่าที่ได้ไปอ่านข้อมูลมา STORY SEOUL จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาตอบโจทย์คนผิวแพ้ง่ายสุดๆ 
อย่างเช่นเจ้าของแบรนด์เป็นต้น คือคุณวิเวียนเค้าแพ้นู่นนี่นั่นเยอะมาก 
เค้าเลยให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เกาหลีผลิตสกินแคร์ที่ตอบโจทย์แบบสุดๆ 
และก็ต้องปลอดสารอันตรายไปเลย 
ไม่งั้นเจ้าของแบรนด์ก็คงใช้เองไม่ได้ 55
ไปดูทีละตัวกันเลยดีกว่า
[Reference ผิวอิเชอ: เชอเป็นคนผิวผสมนะคะ ช่วง T-zone จะมันเป็นพิเศษ บริเวณอื่นไม่มัน ผิวแพ้ง่ายด้วย]
.
.
ตัวแรก
Purifying cleansing foam

ตัวนี้จะเป็นคลีนเซอร์โฟมที่ช่วยทำความสะอาดผิวหน้าสูตรอ่อนโยนช่วยให้ผิวกระจ่างใส
กลิ่นหอมอ่อนๆแบบธรรมชาติบอกไม่ถูกว่ากลิ่นเป็นไง เอาเป็นว่าไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน ซึ่งมันโอเคไม่ได้หอมฟุ้งแบบน้ำหอม ส่วนตัวไม่ชอบโฟมล้างหน้าหรือไรที่ฟุ้งน้ำหอม กลัวหน้าพัง55
Texture ของเนื้อโฟมจะนุ่มๆยืดๆ สีเนื้อๆหน่อย มันไม่เหมือนเนื้อโฟมอื่นๆที่เคยใช้ยี่ห้ออื่นจะเป็นสีขาว อันนี้มันให้ฟีลแบบกึ่งๆเจลนิดนึงอ่ะ

ส่วนปริมาณที่ใช้คือน้อยมากกกกครั้งแรกที่บีบคือบีบประมาณข้อนิ้ว แต่จริงๆคือไม่ถึงเหรียญบาทก็ใช้ได้ทั่วใบหน้าอ่ะเอาจริง
ความรู้สึกครั้งแรกที่ใช้คือหน้าจะตึงๆ แต่ไม่มาก ไม่ตึงเว่อร์ 
ยังรู้สึกว่ามันยังชุ่มชื้นอยู่ ตอนแรกก็มีคิดว่าหน้าจะแห้งแล้วก็มันตามมามั้ยวะ
หลังล้างแต่สรุปไม่เป็นนะคะ ชอบ!รู้สึกว่าล้างสะอาดดี หน้านุ่มค่ะ
อันนี้มีครั้งนึงเคยหน้าสดไปยิม แล้ววันนั้นล้างหน้าด้วยคลีนซิ่งตัวนี้ 
แล้วทามอยส์เจอไรเซอร์ตามปกติก่อนไป 
คือดูตัวเองตอนเล่นฟิตเนสอยู่แบบ หื๊ม หน้าใสมากอ่ะ 
หน้าไม่หมองเหมือนล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าคือดี 5555555
ต่อค่ะ
.
.
Calming & Revitalizing toner

ตัวนี้เป็นโทนเนอร์ที่เคลมว่าช่วยกำจัดสิ่งสกปรกบนใบหน้า อ่อนโยน เพิ่มความชุ่มชื้นผิว 
ช่วยให้ผิวเรียบเนียน สร้างสมดุลระดับค่าความเป็นกรด-ด่างให้กับผิวไม่เมา (โนแอลกอฮอล์) 
ช่วยป้องกันผิวแห้งกร้าน กระชับรูขุมขน อ่อนโยนต่อผิว 
เหมาะกับผิวแพ้ง่ายผลิตขึ้นจากผลไม้และส่วนผสมจากผักด้วย

บอกเลยว่าตัวนี้ ใช้ทุกวันและติดไปเรียบร้อย คือเมื่อก่อนจะใช้โทนเนอร์ที่เป็นขวด 
เทลงสำลีเช็ดหน้าหรือไม่ก็เทลงมือแล้วตบๆ 
ตอนแรกที่แกะตัวนี้ออกมาก็ หื๊ม สเปรย์หรอม? จะสะดวกมั้ยวะ? 
แต่พอลองฉีดโทนเนอร์ใส่หน้า ตบๆให้มันซึม “เห๊ยคือดี!” คือสดชื่นนนนน~
เฟรชเลยอ่ะ~ กลิ่นก็เบาๆ คล้ายๆกลิ่นคลีนซิ่ง
หลังจากนั้นเลยติดฉีดโทนเนอร์ตลอด
ส่วนไอขวดอีกแบรนด์ของเกาหลีที่ใช้อยู่ก็ตั้งไว้งั้น 5555555 เฉย!
ตัวนี้ผ่านชอบ มันให้ความรู้สึกสดชื่น แล้วใช้ไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกได้นะ
ว่าหน้าดูละเอียดขึ้นพวกรูขุมขนตื้นๆ ตรงแก้ม 
แต่ตรงจมูกยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ 
เนื่องจากอินี่จมูกรูขุมขนสิวอุดตันมหาปะลัยมากเลยอาจเอาไม่อยู่ 555555
แต่โดยรวมคือชอบใช้จนติดจริง!

ตัวสุดท้าย
.
.
Hydrating daily lotion

นางเคลมว่านางเป็นโลชั่นที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว 
ชะลอริ้วรอยแห่งวัยช่วยให้ผิวกระจ่างใสนุ่มขึ้น ลดการอุดตันให้ผิว เป็นต้น

ตัวนี้เป็นสกินแคร์ที่อิเชอใช้เป็น moisturizer ไปเลย คือเป็นตัวที่เชอต้องใช้ประจำก่อนแต่งหน้า
เอาง่ายๆว่าพอใช้โทนเนอร์นางเสร็จก็ต้องต่อด้วยตัวนี้ 
ความรู้สึกหลังใช้คือ ผิวมันจะชุ่มชื้นกำลังดีไม่หนักหน้า 
ไม่เละ แต่งหน้าต่อได้เลย เครื่องสำอางติดดีเลยล่ะ 

แต่เชอไม่เคยใช้กับรองพื้นหนาๆนะคะบอกก่อน ใช้กับ cushion เบาๆอย่างลุคนี้เป็นต้น


คนละคนมั้ยล่ะแกT T 55555
รวมๆผลการใช้ทั้ง ตัวมาเป็นเวลาเดือนนึง รู้สึกได้ว่าหน้ามันเนียนใสขึ้นนะ ไม่แพ้เลย!! 

เรื่องรูขุมขนตรงจมูกเชอไม่ค่อยเห็นผล 
อย่างที่บอกมัน จมูกอิเชอบรรลัยจริงๆ 555 
แต่ตรงแก้มคือโอเคเห็นได้ว่ามันตื้นขึ้น ผิวดูใสขึ้น ดูเนียนขึ้น 
อ้อ **ใสในที่นี้ไม่ใช่ขาวนะ! กระจ่างใสกับขาวต่างกันนะคะ 
ขาวคือดูผิวเปลี่ยนสี ยกแผงหนังหน้าไปเลย 
แต่ใสคือดูเกลี้ยงเกลา ดูสุขภาพดี โดยรวมคือชอบค่ะ
รู้สึกว่าใช้ต่อไปเรื่อยๆผิวต้องแข็งแรงขึ้นอีก 


และวันนึงชั้นจะหน้าสดเปลือยได้อย่างมั่นใจกว่าเดิม 555555
ที่สำคัญที่สุด!! 
ทุกครั้งเวลาสิวขึ้น ใช้ Story Seoul ละมันช่วยให้สิวยุบเร็วจริงๆ 
แบบวันเดียวก็เห็นเลยว่ายุบลงอะ อันนี้ดีมากกกก เฟิร์มมมมมม
และวันนึงชั้นจะหน้าสดเปลือยได้อย่างมั่นใจกว่าเดิม 555555
.
.
พูดแต่ข้อดีมาข้อเสียมีไรบ้าง?
จริงๆก็ไม่ติดอะไรนะแต่ถ้ามันช่วยให้รูขุมขนตรงจมูกอิเชอกระชับได้ สิวอุดตันหายได้ จะกรี๊ดมาก! :D
จบการรีวิวเพียงเท่านี้
*ความเห็นทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวจากการทดลองใช้ของอิเชอล้วนๆนะคะ
 -----------------------------------------
Disclaimer: Sponsored review by STORYSEOULSKINCARE

Share:

Thursday, September 21, 2017

[DIET TIPS] : อยากลดความอ้วน เริ่มยังไงดี?

สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ยังคงมีเพื่อนๆ น้องๆ ทักมาหาเชอเรื่องโยโย่ยาลดความอ้วนอยู่เรื่อยๆ
เชอเลยขอนำเอาบทความเก่ามารีโพสต์นะคะ
อันนี้เป็นบทความวิธีการคำนวณความต้องการสารอาหารของร่างกาย/วัน ที่เชอเคยเขียนไว้
ยังไงลองศึกษา คำนวณกันดูนะคะ แต่อย่าไปเครียดกับมันมาก ไว้เป็นแนวทางก็พอ
อย่าฝืน เคร่งเกินก็ไม่ดี
สิ่งแรกที่ต้องทำเวลาคิดจะลดน้ำหนักคือ

1.
คำนวณ BMR(Basal Metabolic Rate)
แล้วมันคืออะไร?
BMR คือ อัตราการเผาผลาญขั้นพื้นฐานในแต่ละวัน
วิธีคำนวณ
BMR = น้ำหนัก(lb) x 10
*lb คือ พาวน์ 
*วิธีหาน้ำหนัก lb = นน.(kg.) x 2.2
ตัวอย่าง
อิเชอหนัก66 kgs.
BMR เชอ =66kgs. x 2.2 x 10 = 1452 Cal.
*Cal. คือ แคลอรี่
แปลว่าอัตราการเผาผลาญในชีวิตประจำวันของเชอคือ 1452 Cal.
แม้ว่าอิเชอจะไม่ทำห่านอะไรเลย นอนเกลือกกลิ้งบนเตียงตีพุงดูทีวี หรือแม้กระทั่งนอนหลับ ก็เผาผลาญอยู่ที่ 1452 Cal.

2. คำนวณ TDEE (Total's Daily EnergyExpenditure)
แล้วมันคืออะไรอีกล่ะ?
TDEE คือ พลังงานที่ใช้ทั้งหมดในชีวิตประจำวัน

วิธีคำนวณ
ดูตามตารางนี้เลยค่ะ
Sedentary
คนทำงานออฟฟิศ ตรูดส์ติดเก้าอี้ตลอด ไม่ออกกำลังกายเลย หรือ ออกน้อยมากๆ
1.2 x BMR
Lightly active
ออกบ้าง 1-3 วันต่อสัปดาห์
1.375 x BMR
Moderately active
ออกปานกลาง 3-5 วันต่อสัปดาห์
1.55 x BMR
Very active
ออกหนักเกือบทั้งอาทิตย์ 6-7 วันต่อสัปดาห์
1.725 x BMR
Extremely active
ออกประหนึ่งว่าเตรียมไปแข่งทีมชาติ หนักหน่วงมาก!!
1.9 x BMR
เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองมีการใช้ชีวิตตรงกับกิจกรรมไหนก็เอา BMR ไปคูณโลด

ตัวอย่าง
อิเชอทำงานออฟฟิศ เพราะงั้น TDEE = 1.2x1452 = 1742.4ปัดเป็น 1740 ละกัน
แปลว่า รวมกิจกรรมที่เชอทำทั้งวันแล้ว ร่างกายเชอจะเผาผลาญ 1740 Cal
งั้นมาตีความกัน~
ถ้าแคลอรี่อาหารที่เชอกินทั้งวัน =1740 Cal --> น้ำหนักเชอจะคงที่เท่าเดิม
ถ้าแคลอรี่อาหารที่เชอกินทั้งวัน < 1740 Cal --> ผอมลง
ถ้าแคลอรี่อาหารที่เชอกินทั้งวัน > 1740 Cal --> อ้วนขึ้น
.
.
 
เคลียร์ไหม?
ทีนี้บางคนอาจจะใจร้อน เห้ยๆๆชั้นกินแบบน้อยกว่า TDEE มาหลายวันละทำไมยังไม่ผอมลงสักที
ต้องทำความเข้าใจก่อนนะคะ

น้ำหนัก ไขมัน เพียวๆ ของคนเราเนี่ย(เพียวๆนะคะไม่ใช่น้ำหนักรวมทั้งตัว) 1 kg.เท่ากับ 7,700 Cal

เท่ากับว่า การที่เราจะลดน้ำหนักของไขมันเพียวๆ 1kg. เราต้องกำจัด 7,700 Cal ออกจากร่างกาย
ใช่แล้ว!!7,700 Cal!!
แล้วไอการที่เราวิ่งบน treadmill วันละครึ่งชม. 300-400 Cal เองนะ!!
แค่นี้ก็เหนื่อยหอบตายอยู่ละจริงมั้ย?
เพราะงั้นการลดไขมันเร็วๆได้ภายในไม่กี่วันนั้นมันไม่มีจริ๊งงงงงงงงงง!!!! มันต้องใช้เวลาค่าา~
ไอที่ลดหายไปเร็วๆเป็นนน.ของน้ำค่ะอย่างบางราย(เช่นอีเชอสมัยกินยาลดความอ้วน) นี่น้ำหนักลดเร็วมากเว่อร์ ตัวนี่ย้วยกล้ามเนื้อเหลวหมด มีแต่ไขมันห้อยต่องแต่ง==แถมเวลาขึ้นก็ขึ้นเร็วพรวดพราด ไม่ดีเลยค่ะ
วิธีลดอย่างปลอดภัย คือควรลดน้ำหนักของ"ไขมันเพียวๆ" --> 0.5 kg./ week
ถ้าสมมติเราอยากลด 5kgs. อย่าง ”ปลอดภัย และเป็น ไขมันเพียวๆ
ก็จะใช้เวลา 2เดือนครึ่งค่ะ
.
.
 
แล้วงี้ทำไงให้ลด 0.5kg/week ล่ะ?


ตัวอย่าง
อิเชอ TDEE=1740Cal
0.5 kg =3,850 Cal --> 3,850 Cal/week หาร 7 วันก็ได้ 550 Cal ต่อวัน
ถ้าไม่รีบร้อน ลดสบายๆก็กินให้ deficit (หรือ) น้อยกว่าTDEE 500 Cal ต่อวันก็โอเคแล้วค่ะ
เท่ากับเชอควรจะกินประมาณ 1240 Cal ต่อวัน
แต่ๆๆ ! เชอออกกำลังกายเพิ่มด้วย กลัวไม่มีแรง ก็เลยเพิ่ม Cal หน่อย กินสัก 1300-1400/วันก็ยังได้ค่ะ
บางคนอาจจะลดเร็วกว่าที่คำนวณไว้ก็ได้ค่ะขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนด้วย ตัวเลขมันเป็นแค่การประมาณไว้เฉยๆค่ะ
.
.
 
มาถึงตรงนี้ ใครงงตรงไหนมั้ย? อย่าเพิ่งท้อละปิดหน้าไปนะ!
แรกๆอิเชอก็งงเหมือนกันใช้เวลาศึกษาพักใหญ่
เอาล่ะ ต่อ
ทีนี้บางคนบอก..

"งี้ ชั้นจะกินแต่ขนมเค้ก ไอติมทั้งวัน แคลอรี่ไม่เกินที่คำนวณไว้ก็ได้ดิ ไม่อ้วนชัวร์"
ตบกะโหลกแตก!!
ขนมเค้ก ไอติมส่วนใหญ่นั้นเต็มไปด้วย แป้ง นมเนย น้ำตาล ไขมัน
เท่ากับร่างกายคุณก็จะขาดสารอาหารสำคัญอื่นด้วย
"
อ้าวแล้วทีนี้กินยังไงอ่ะ?"
ก่อนอื่น.. คุณต้องรู้จัก Macronutrients ก่อน
เอาอีกละ Macronutrientsคืออะไร? อินี่ศัพท์เยอะจริง
เคยได้ยินMicroไหม? Micro Macro อ่ะ 
ถ้าเป็นวิชาก็คือ เศรษฐศาสตร์จุลภาค กับ มหภาค ไปกันใหญ่ละ
เอาง่ายๆนะ
Macronutrients=สารอาหารหลัก ซึ่งก็คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน
Micronutrients=สารอาหารรอง ซึ่งก็คือ เกลือแร่ วิตามิน
ในที่นี่ เชอขอข้าม Micronutrients ไปละกันค่ะผักกินไปเถอะ ดีต่อร่างกาย
สิ่งสำคัญที่คุณต้องมองคือ Macronutrients
เพราะฉะนั้น สัดส่วนอาหารที่คุณกินก็จะต้องพอดีค่ะไม่ใช่ว่าทั้งวันกินๆๆแต่แป้ง อันนี้อ้วนชัวร์ เพราะร่างกายจะรับ Carbs มากเกินความจำเป็นและยังขาดสารอาหารอย่างอื่นด้วย
*
Carbs= คาร์โบไฮเดรต
.
.
คนอยากผอมควรลดปริมาณแป้งลง --ลดนะคะไม่ใช่งด
ละเราก็มักจะได้ยินบ่อยๆว่า เห้ยงั้นชั้นไม่กินข้าว กินแต่ผลไม้ละกัน
อยากจะบอกว่า ผลไม้นี่แหละค่ะ แหล่ง carbs ชั้นดีเลย



กล้วย 1ผลใหญ่ (ขนาดประมาณ8นิ้ว) = 121 Cal. Carbs 31.06 g.
ข้าวสวย100 g. = 129 Cal. Carbs 27.9 g.
สังเกตดูว่าปริมาณCal. มันแทบไม่ต่างกันเลย แถมปริมาณCarbs ของ กล้วยยังมากกว่าอีก
เพราะงั้นอย่ามโนว่าผลไม้ไม่อ้วนค่ะ


อาหารทุกอย่างในโลกนี้ กินได้!! แต่ต้องรู้จักปริมาณถ้ากินไม่บันยะบันยังมากเกินกว่าความจำเป็นก็อ้วนแน่นอน


>>ไขมันก็ควรกินด้วยนะคะ แต่ควรเป็นไขมันดี เช่น ถั่ว ปลาทะเลน้ำมันมะกอก เป็นต้น ไม่ใช่ไก่ทอดหรือหมูทอดน้ำมันเยิ้มงี้ แต่ถามว่ากินได้มั้ย?กินได้ แต่ต้องรู้จักคำนวณปริมาณให้พอดีอยู่ดี ไขมันนั้นช่วยให้เราอิ่มนานและยังช่วยดูดซึมวิตามินเข้าร่างกายด้วยนะคะ
>>โปรตีนนั้นสำคัญมาก อย่างดการทานเนื้อสัตว์นะคะ ยิ่งคนที่ออกกำลังกายด้วยแล้วร่างกายควรได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอเพื่อที่จะพัฒนากล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนต่างๆร่างกายด้วย
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าอันนั้นกี่แคล อันนี้กี่แคล?
ใช้ Appคำนวณค่ะ App ที่เชอใช้คือ MyFitnessPal https://www.myfitnesspal.com
ไปdownload กันได้ มีทั้ง ios android ใช้ไม่ยากค่ะ ลองกดๆดูเดี๋ยวจะเข้าใจเอง
ละเวลาใส่GOAL ให้ยึดหลักจาก GOAL ของเราที่คำนวณมาแล้วนะคะอย่าไปยึด GOAL มัน
บางทีมันก็กดให้เรากินน้อยเกิ๊นนน~
.
.
หวังว่าโพสต์นี้จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆที่ตั้งใจจะลดน้ำหนักนะคะ^^
ก่อนจากไป.. ขอฝากอะไรไว้ละก้นค่ะ
วงจรอุบาทว์


เร่งลด --อดอาหารกินน้อยๆเหมือนแมวดม -->ผอมลงจริง --> อดนานๆระบบเผาผลาญพัง -->น้ำหนักไม่ลดแล้ว --ตะบะแตกกินทุกอย่างที่ขวางหน้า --> นั่งสารภาพบาปโทษปากตัวเอง-->กลัวอ้วนจัด -->ออกกำลังกายบ้าคลั่ง -->น้ำหนักลดช้า ใจร้อน --> หันไปพึ่งยาลดความอ้วน-->เปลืองตัง --> น้ำหนักลงอีก--> แต่จิตเริ่มเสื่อม -->สุขภาพโทรมลงไม่รู้ตัว -->ป่วยบ่อยบรรลัย -->น้ำหนักไม่ลดแล้ว --> เครียดไม่มีความสุข --> หงุดหงิดโรคประสาทอ่อนๆ -->ไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ -->วนกลับไปตะบะแตกกินอีก -->กลับสู่อิหรอบเดิม 


 “ลดเร็วก็ขึ้นเร็ว ไม่มีอะไรยั่งยืน


วงจรชีวิตที่สมดุล
ค่อยๆลดอย่างปลอดภัย --> กินอาหารครบ5หมู่ --ออกกำลังกายสม่ำเสมอ --> สุขภาพจิตแจ่มใส --ร่างกายแข็งแรง --> แฮปปี้ --> ทำได้เรื่อยๆไม่มีผลเสีย
ยั่งยืน ถาวร
และสุดท้าย.
อ้วนผอมไม่ได้วัดกันที่ค่านิยมใครมันขึ้นอยู่ที่ตัวเราพอใจ
และที่สำคัญกว่ารูปลักษณ์ภายนอกคือสุขภาพค่ะ


เรียบเรียงจากข้อมูลอ้างอิงและประสบการณ์ส่วนตัว

reference:
www.fitjunctions.com
www.fatsecret.com
www.ezygodiet.com
www.kcal.memo8.com
 


Share:

Tuesday, September 19, 2017

[Tips*] การเตรียมตัวรับปริญญา

ว่าด้วยเรื่องของเทศกาลรับปริญญา
แหม่ะ..สาวๆหนุ่มๆคงจะวุ่นเรื่องการหาช่างกล้องเอย.. ช่างแต่งหน้าทำผม.. 
หู้ยยย~อิเชอก็เช่นกันค่ะ! แหม่ก็รับปริญญาทั้งทีอยากให้มันออกมาเป๊ะ!
ด้วยความที่อิเชอเป็นพวกกรุ๊ป A ชอบเตรียมพร้อมทุกสิ่ง จึงอยากมานำเสนอ..

Tips* “การเตรียมตัวรับปริญญา”
ให้เพื่อนๆได้ทราบกันถ้วนหน้าและเชอเชื่อว่า ใครหลายๆคนอาจลืมคิดถึงสิ่งนี้
ก่อนอื่น มาดูรูปกันก่อนดีก่า

รูปนี้ถ่ายเมื่อเสาร์ที่ พ.ย. 57 (หลายปีมาแระ555)
ซึ่งเป็นวัน Photo taking day @ ABAC มหาลัยสวยๆของดิชั้นนน



เอ๊ะละรูปนี้มันมีอะไรพิเศษว่ะห๊ะ? ไม่เห็นมีอะไรเลย ..
หึหึ.. สิ่งนี้มันซ่อนอยู่ภายใต้ชุดครุยค่ะ..
ชวิ้งงงงงค์~

มันคือ Sport armband ไงล่ะค๊าา!!
ซึ่งคนธรรมดาทั่วไปอาจไม่คุ้นเคยกับสิ่งนี้แต่สาย Runners/workout จะรู้ดี..
ละมันคืออะไร? Sport armband??

มันเป็นสายรัดแขนที่คุณสามารถใส่มือถือบัตร สตางค์ กุญแจอะไรเล็กๆได้!!
นับเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับนักวิ่งที่ชอบฟังเพลงเลยก็ว่าได้
ด้วยอิเชอเป็นสาย workout, Marathon อยู่แล้วเลยต้องมีติดบ้านเป็นธรรมดา และด้วยไอเดียนี้ จึงมาadaptใช้กับงานรับปริญญา
เห๋ยยย จะบอกว่ามันดีอ่ะ
เพราะตามหลักแล้วเนี่ยไม่ว่าจะวันถ่ายรูปหรือวันรับจริง เค้าจะไม่ให้พกกระเป๋าหรืออะไรเลย 
แต่ๆๆ!!คนยุคอย่างเราๆจะขาด“มือถือ” ไปก็มิได้!! เราจะต้องพกติดตัวตลอดเวลา
ผู้ชายไม่ค่อยมีปัญหาหรอกค่ะ เหน็บใส่เป๋าเกงไว้ก็ได้ละ แต่ผู้ญอย่างเราๆนี่สิจะเหน็บกระโปรงไว้ก็ต้องคอยระวังเดี๋ยวร่วง ไหนจะเงินอีก ..
นับว่าสะดวกสุดริดค่ะมีไว้ติดตัวก็ไม่เสียหาย
จะใส่ตังไว้ข้างในก็ยังมี space เหลือ


สุดท้าย..
ขอทิ้งท้ายด้วย DO &DON’T จากประสบการณ์ตรงของอิเชอสักนิดละกัน
1. “คนหน้ามัน จงโบกรองพื้นแบบ fullcoverage คือเน้นติดทนหนา อย่าเลือกผิดแบบเน้นวาว glitter ฉ่ำๆเด็ดขาด มันจะทำให้หน้ายิ่งดูมัน!! 
Tips* 1
สัปดาห์ก่อนวันรับจริง ลองexperimentเครื่องสำอางหลายๆแบบที่จะใช้บนหนังหน้าดูก่อนว่ามันทนมั้ย dropมั้ย ไปเดินเล่นกลางแดด ไปเที่ยว ลองให้ครบแล้วเลือกอันที่ดีที่สุด! Safe สุดนะจ๊ะ อย่าไปลองอะไรใหม่ๆในวันจริงโดยเด็ดขาด!!
2. “อย่าสบประมาทว่าชุดครุยจะปกป้องรังสีUVจากแดดได้” เพราะมันเผาท่อนแขนอิเชอไปครึ่ง3/4ของแขน งามไม๊ล่ะเธอ ดำตั้งแต่ปลายนิ้วมา25 ซม. ==” เพราะฉะนั้นจงโบกsunscreen spf50+++ ขึ้นไปทั้งหนังหน้า แขน และ“หน้าเท้า”ด้วย ไม่งั้นคุณจะได้สภาพหนังเท้าคล้ำเป็นตัวUคว่ำตัดกับรอยรองเท้าแน่นอนค่ะ(ประสบกับตัวอีกเช่นเคย)
3. “ที่ลากของขนาดเล็ก” เห๊ย จะขาดมิได้!! ต่อให้จะมีผู้ช่วยถือของ ก็ต้องมี!! ไม่งั้นดอกไม้ตุ๊กตา ของขวัญปริญญา ของคุณจะต้องตกระเนระนาดระหว่างทางแน่นอน อ้อ! อย่าลืมspareรองเท้าแตะสำหรับถอด-เปลี่ยนด้วย ไม่งั้นจะประสบอาการ“หนังตีนปริแตก”แบบอิเชอได้!! ==(ถ้าเป็นแบบเหล็กสามารถหาซื้อได้ตาม makroราคาประมาณ500บาทเป็นต้น)
4. “สาวๆที่แต่งหน้าเอง” อย่าชะล่าใจที่จะไม่พกคลังเครื่องสำอางของคุณไปด้วย! โดยเฉพาะกาวติดขนตา สำคัญยิ่งยวดค่ะขนตาหลุดเป็นอะไรที่หายนะนะคะบอกให้แผ่นฟิล์ม/กระดาษซับมัน ทิชชู่ ลิป เลิป น้ำตาเทียมสำหรับสาวกคอนแทค อะไรเอาไปให้หมด (โยนใส่ไปในที่ลากของนี่แหละ)
5. “น้ำ,ยาดม,ลูกอม” อากาศเมืองไทยเราน้ออ กันการเป็นลมเป็นแล้งนะคะ พกไว้เถิด ดับร้อน ดับกระหายน้ำนี่ต้องมีหลอดนะคะ เดี๋ยวลิปจะหลุดหมด ส่วนลูกอมนี่ เน้นหวานอมเปรี้ยวหรือมิ้นต์ๆสดชื่นก็ได้ค่ะ ถ้าแดดร้อนมากๆวิงเวียนศีรษะจะเป็นลม บางทียาดมอย่างเดียวก็เอาไม่อยู่นะคะความหวานจากน้ำตาลจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นค่ะ

 หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆที่จะเตรียมตัวรับปริญญานะจ๊ะ 

xoxo

ปล* ติดตามเรื่องราวหรรษาอื่นๆแบบ real time ได้จาก fb "เพจอิเชอ" นะเธอ~
Share:
© cherriiecherry | All rights reserved.
Blog Design Handcrafted by pipdig