Tuesday, June 13, 2017

[TRIP]: เกาหลี 9 วัน Seoul & Busan 2017 อะโลน~ ตามประสาคนตกงาน!


เคยแต่อ่านกระทู้คนอื่นแบกเป้เที่ยวคนเดียว ฝันไว้ว่าวันนึงชั้นอยากจะทำแบบนั้นบ้าง..
และวันนี้ชั้นก็ทำได้แล้วค่ะ!

จัดไป 9 วันเต็มกับทริปเกาหลีฉายเดี่ยว ประสาคนโสดตกงาน :D :D :D


ท้าวความสักนิด.
จริงๆแล้วทริปนี้มันมีที่มาที่ไปค่ะ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา อิเชอรู้สึกว่าชีวิตตัวเองมีแต่คำว่า.. 
"งาน งาน และก็งาน!!" 
ซึ่งมีทุกวัน ตั้งแต่จ-อา ไม่ว่าจะเป็นงานประจำ งานนอกที่รับผิดชอบ ประชุมต่างๆ คือมันเยอะไปหมด แต่รู้สึกจะหนักงานประจำที่สุด ก็ด้วยการทำงานในบริษัทเล็ก เราต้องทำแทบทุกอย่างจริงๆ OT ก็ทำมันเข้าไป 
มันไม่มีคำว่าเสาร์-อาทิตย์อีกต่อไป..​ 

จนรู้สึกว่า "เอาวะ! กรูต้องหา Motivation" เลยบ้าจี้จองตั๋วและที่พักไปเกาหลีคนเดียวแม้ม! =.=
คือใจบ่นอยากไปตั้งแต่กลับมาจากเกาหลีปีที่แล้ว เพราะรู้สึกครั้งที่แล้วเวลาเที่ยวไม่พอ มันไม่สุด 
ครั้งนี้ขอซื้อความสุขให้ตัวเองบ้าง ซึ่งทำการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักเสร็จตั้งแต่กุมภา 
สายการบิน: EASTAR JET 


ค่าตคบ.= 12,663 THB 
ขากลับเชอซื้อแบบ Happy fare คือจะได้ นน.กระเป๋า 20kgs + in-flight meal เลือกอาหารและที่นั่งได้ค่ะ 
พูดถึงเรื่องนน.กระเป๋าของ EASTAR JET จากที่อ่านในเว็บและสอบถามจนท.โดยตรงนะคะ 
ถ้าเกินกำหนดคือคิดจะโลละ 10,000 W ค่ะ แพงเหมือนกันน T T~ 


ที่พัก: AIR BNB @Hong-dae & Shin-chon Private Shower room 

ตั้งอยู่ย่าน Sinchon ใกล้ Subway เลยล่ะ

ค่าที่พัก 9 วัน 8 คืน = 160$ ~ 5,601 THB

จนเมื่อต้นมีนา.. บริษัทที่อิเชอทำงานประจำอยู่ก็ประกาศ layoff พนง.ทุกประเทศจ้า OO~ .. อือหื๊อออ ~ เรื่องตลกคือ คืนก่อนหน้านั้นเพิ่งอธิษฐานกับพระเจ้า (เชอเป็นคริสต์) รวมถึงเพื่อนๆก็ช่วยอธิษฐานให้ชีวิตอินี่มีความ intense น้อยลงบ้าง .. มาอีกวันแม่ง layoff กรูเลยจ้า 55555555 

และวันหยุดพักร้อนที่เก็บไว้ตั้งใจจะไม่ใช้ จะมาใช้ทริปนี้ก็หายไปในบัดดล.... ที่ทำ OT เพื่อแลกชั่วโมงวันหยุด.... ทั้งหมด พัง!!!! เลยช่างแม้ง เอาวะ ไหนๆก็เกิดขึ้นละ ถือซะว่าพักและเที่ยวให้เต็มที่ก่อนที่จะได้งานใหม่ละกันวะ!! 
  
 TRAVEL PLAN: 9 DAYS IN KOREA 2017
เชอแพลนว่าจะอยู่โซล 7 วัน และปูซาน 2 วันค่ะ
เอาล่ะ มาดู Plan เที่ยวคร่าวๆ ที่วางไว้ตอนแรก แต่ถึงวันเที่ยวจริง แพลนเปลี่ยนเกือบหมดจ้า 555 มีทั้งสลับวัน และ แคนเซิลแพลนค่ะ







ปล* Agenda ด้านบนนี้เป็นเพียง Guide นะคะ อิเชอไม่ได้ spent every single minute like that 5555555 คือติดทำละเอียดเพราะถูกมอบหมายให้จัดงานบ่อยค่ะ 

สำหรับข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว แหล่งกินต่างๆ ขอขอบพระคุณบล็อคของ
ลุงเด้งป้าไก่ http://koreafanclub.blogspot.com
Twitter: @Seoulstorys https://twitter.com/seoulstorys
ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ หากไร้บล็อคคุณพี่ๆ ทั้งหลาย ชีวิตอินี่คงยากกว่านี้มาก 555 



ส่วนการเดินทางแต่ละที่ เชอมี App: Subway Korea, Busan Metro Map เป็นตัวช่วยค่ะ มีแล้วชีวิตดีมากกกกก แนะนำให้โหลดติดไว้เลยค่ะ

Check-in Suvarnabhumi Airport

ป่ะ เริ่มแรกไปถึงสนบ. ตั้งแต่ 4 ทุ่มกว่า เป็นวันที่คนบินเยอะมาก เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว 
มาถึงก็มารอคิวเช็คอิน เนื่องจาก web check-in ไม่ได้นะฮะ สำหรับคนที่บิน international + load baggages ซึ่งอีกสิ่งที่อินี่กังวลคือ นน.กระเป๋า
Eastar Jet เค้าจะให้นน.กระเป๋า 15 kgs + carry on 7 kgs
 ขามานี่พยายามจัดให้น้อยสุดๆละ สรุปว่าหนักประมาณ 15 นิดๆ เค้าก็ปล่อยผ่าน ใบเล็กก็ไม่ได้ชั่งจ้า โชคดีไป เพราะใบเล็กก็คงเกิน 7 kgs เหมือนกัน 555555

ตอนอยู่สนบ.รอเครื่องก็ไปนั่งรอสตาร์บัคด้านใน กินของอ้วนแล้วเตรียมไปนอนบนเครื่องนะฮะ


และก็ตามคาด เครื่อง Delayed จาก 1.55 เป็น 2.30 ถ้าจำไม่ผิด กว่าจะออกบินจริงๆก็ประมาณ​2.45 น. ถึงนู่นกว่าจะเดินทางถึงตม.ก็ประมาณ​10.15 
ว่ากันด้วยเรื่องของตม. เกาหลี (สุดโหด)
เชื่อแล้วว่าโหดจริง อันนี้เราจะไม่เถียงเรื่องคนไทยที่เคยไปทำเสื่อมเสียจนเค้าโหด (เข้าใจตรงกันนะ? เด่วมาด่ากรูอีก ถถถ) คือเอาที่เห็นจะจะกับตาเลยนะ "คนไทย" (ย้ำว่าไทย คือหน้าไทยแท้ไม่ผสม) ไม่ต่ำกว่า10คน ไม่ผ่านตม. โดนเรียกแบบเรียงคิวยาวๆ 
ไม่รู้ด้วยเหตุอันใดนะ หลายคนก็มีหลักฐานที่พักนุ่นนี่ แต่ก็โดน คือเปิดๆ ดูใบหลักฐานแล้ว พับ Passport และกดเรียกจนท.ทันที ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่โดนเรียก มีผู้ชายวัย 30+ โดนเรียกบ้างเหมือนกัน 

ตอนนี่แบบ เดินไป.. 
จนท. คนก่อนหน้าอินี่ ไม่ให้ผู้ชายคนนึงผ่าน พร้อมเปลี่ยนเวรกับจนท.อีกคน และดูท่าทางไม่สบอารมณ์เอามากๆ นางเดินพาผู้คนนั้นไปห้องสอบสวนด้วยกัน.. 
คิวต่อไป..​   กรูนี่แหละ 
ในใจ.. ภาวนา อธิษฐานกับพระเจ้าหนักมาก อย่าให้ลูกไม่ผ่านเลยนะ ลูกอยากมาเที่ยวนะคะ T T ลูกไม่อยากโดนส่งกลับ.. 

/ยืนอยู่หน้าจนท./
อิเชอ: =) *ยิ้มอ่อนให้จนท.*
จนท: *เปิดดู passport พลิก..​พลิก..* 

(จำไม่ได้ว่ามองหน้าอินี่ไหม ในใจคือระทึกไปหมดแล้ว)

จนท: *ปั๊กกก!!* Stamp ตราลง passport พับ และยื่นคืนให้นี่!
อิเชอ: *ยิ้มอย่างโอบอ้อมอารี* พร้อมกล่าว "Thank you~"  
จนท: "อืม" 
อินี่ลากกระเป๋าเดินออกด้วยฟีลแบบ "HALLEH LUJAH~" ขอบคุณพระเจ้ารัวๆมากกก 55555555555 

สาเหตุที่(เดาว่า)ผ่านนะ:
1. Passport ไม่ขาว เพิ่งไปฮ่องกงมาต้นเดือน และ เคยไปเกามาแล้วสองครั้ง 
2. หน้าไม่ไทย (คือจริงๆอินี่เป็นคนจีน 100% ไม่มีเชื้อไทยเลยเว้ย แต่เกิดที่นี่ไง) 
สรุป:อันนี้พูดยาก บางคนเค้าอาจจะมาเท่วจริงก็ได้ เราไม่รู้ แต่เท่าที่ดูนะ ใครหน้าไทยมามากๆนี่โดนเป็นแถวจริงๆอะ เห้อมม ยังไงเอาใจช่วยให้คนที่อยากเท่วได้เท่วจริงๆนะคะ <3

EG SIMCARD
ก่อนจะมุ่งหน้าสู่ที่พัก เราแวะไปรับ Simcard ที่ซื้อไว้ล่วงหน้ากันก่อน 
ขอบคุณบทความนี้ด้วยนะคะ 
https://nateetaste.com/2016/01/24/how-to-buy-and-register-korea-eg-sim-card/ ที่ทำให้เราซื้อซิมกันได้อย่างถูกต้อง 
ซิมแบบที่อิเชอเลือกคือ 03 Basic Plan – มีเน็ต 1GB และมีเงินในซิมอีก 10,000 วอน = ราคา 30,000 วอน --> DUO SIM ใช้กับ Samsung Note4 ค่ะ 

จริงๆรอบที่แล้วก็ซื้อซิมนี้แหละ พอมารอบนี้ เค้ามีจนท.ทำให้ รู้สึกเหมือนจะเปลี่ยนการเชื่อมต่อ Wifi อะ เค้าจะต้องเอาเลข wifi mac address จากมือถือเราส่งให้จนท.เค้า เซ็ตให้อีกที ไม่งั้นต่อไม่ได้ 
แต่จะบอกเลยว่า นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราใช้ซิมของ EG !!! คือปัญหาเยอะมากกกกกก!

1. จนท. บอกว่าให้เลือกต่อกับ wifi ที่ Locked แต่มะต้องใส่รหัสอะไร ไอตอนอยู่สนบ.มันก็ยัง work พอไปที่อื่นเท่านั้นแหละ ต่อเท่าไหร่ก็ไม่ได้
2. ลองต่อกับ olleh wifi ที่ไม่ locked มั่ง แต่มันก็ยัง require password อีก 
3. โทรหาจนท. 3 รอบ ไม่มีใครรับ จนมันแจ้งว่าเงินจะหมด
4. โทรอีก ช่วงเย็นๆตอนใกล้ 6 โมง ถึงจะรับ เราก็แจ้งปห.ไป ว่ามันต่อไม่ได้งุ้นงี้นะ ละนางก็น่าจะจด wifi mac address เราผิด เพราะหลังจากนั้นครึ่งชม.​(ตามที่นางให้รอ) ก็ยังต่อไม่ได้!! ==
5. แจ้งไปยัง Admin fb ให้ช่วยประสานงาน ก็ไม่ตอบ ผ่านไป 2-3 วันถึงจะตอบ
6. โทรหาอีกวัน ก็ยังไม่รับอีก ต้องโทรอีกรอบ (เงินก็เตือนอยู่ได้ว่าให้เติมๆ) แจ้งแบบชัดๆ สะกัดให้มันทีละตัวอักษร ประมาณ 4-5 รอบ จนต่อได้ ==
7. ถาม จนท.ทาง FB ไป ว่าที่ปูซานสัญญาณจะมีให้ใช้มั้ย.. ถามตั้งแต่ตอนอยู่โซล จนกระทั่งวันกลับจากปูซาน นางเพิ่งตอบ 
ลาขาดค่ะ สัญญาณ  Wifi ก็บอดหลายจุดมากๆๆๆ เซ็ง

อ่ะต่อ 
ป่ะ เก็บกระเป๋าห้องพัก 

CHECK-IN : Hong-dae & Shin-chon Private Shower 
ที่พักเชอจะอยู่ที่ Sinchon ซึ่งเราก็ต้องนั่งรถไฟ AREX ไปลง Hongik ละต่อ Sinchon ทางออก 1 
ระหว่างรอรถไฟ selfie สักนิด 555 กล้อง Samsung นี่มันยืดหน้าจริงๆ หลอกลวงชาวบ้าน ถถถ


อะต่อ.. จากทางออก1 นี่ก็งมทางอยู่นานมาก หาไม่เจอสักที โทรหาอิเจ้าของห้องก็ไม่รับ โทรทั้ง kakao เบอร์จริงก็ไม่รับ == 
วนเวียนอยู่ตรงร้านปิ้งย่างในซอย จนถามคนแถวนั้น เอามือถือให้เค้าดู เค้าก็บอกว่า Locay ยูอะ มันคือตรงที่ชั้นยืนอยู่นี่นะ มันผิด ละเค้าก็พาไปอีกซอย ถึงที่พักจ้า




 โกมาวอโยออนนี~~ และทันใดนั้น ก็ต้องพบกับ...

SURPRISE~!! (1)
ห้องพักกรูอยู่ชั้น 4 จร้า ตอนจองอินี่ก็ไม่ได้คิดไรมากอะ แต่ถึงเวลาจริงอ้อเหาะ.. อินี่ต้องแบกเป๋าสองใบขึ้นแบบ ลากเลือดมาก จนเจอออมอนี เจ้าของที่พัก นางก็พูดแต่เกาหลีรัวใส่เป็นชุด ช่วยแบกขึ้นไป 
ตอนนั้นเวลาเลยบ่ายโมงไปละ คือ check-in ได้พอดี ออมอนีก็ยังคงรัวเกาหลีใส่มากมาย พยายามจะทำความเข้าใจกะนาง 

SURPRISE~!! (2) 
ห้อง "เล็ก" เกินคาด!
ไอตอนจองก็พอรู้แหละ ดูจากภาพว่าเล็กอยู่ แต่พอเห็นของจริงนี่ถึงกับ หืมมมมมมม
นี่คือ Proof ค่ะคุณ


ห้องไม่มีอะไรให้นะคะ ทิชชู่ ถังขยะก็มะมี คุณต้องเตรียมเองทั้งหมดจร้า ปลั๊กตู้เย็นก็ไม่เสียบให้ หาที่เสียบไม่เจออีก เลยช่างแม้ง == 
พอมองไป แอร์อยู่ไหนวะ.. (ตอนกลางวันเกาหลีร้อนนะช่วงพ.ค.) 
ก็เลยถามออมอนี

อินี่: Air conditioner ออปซอโย้?
ออมอนี: *จัดเตียง ขัดห้องน้ำ ไม่พูดไม่จา.....*
อินี่อึ้งไปแปป ถามอีกรอบ: Air conditioner ออปซอโย้..?
ออมอนี: .............. 
อินี่: == เอาวะ กูเปิดดิกเกาหลีก็ได้วะ เสริชไป Air conditioner มันขึ้นว่า  에어컨 (เอ-ออ-คอน)
อินี่: "เอ ออ คอน ออปซอโย้?"
ออมอนี: โอ้ว ออปซอๆ ชูว่อๆ (ไม่มีๆ หนาวๆ ) คือนางจะสื่อว่ากลางคืนมันหนาวนะ มะต้องใช้ นี่ก็ ออ.... ค่ะ ต้องเกาหลีสินะออมอนีถึงจะตอบ ถถ 

พอถามนังเจ้าของห้องพัก (ที่เพิ่งจะตอบ kakao) ว่าแอร์ยูไม่เปิดหรอ นางบอกมันเป็น control center นะ ขอบคุณที่เข้าใจ...  
หืม..... เออ ไอก็คงต้องเข้าใจเนอะ เพราะไงยูก็ไม่เปิดให้ไอไง555
เอาวะ ไม่มีแอร์ก็ไม่มีแอร์ กลางวันก็ไม่ค่อยอยู่ห้องยุละ ป่ะ.. หาไรแหล็กดีก่า!!

1st DAY IN SEOUL ALONE : BEGINS!!!
ตามรอย จิมดัก.
นี่คืออยากกินมากกก ตั้งใจว่าต้องกินเป็นมื้อแรก! เห็นในรีวิวว่าแซ่บ ราคาโอเค ถูกกว่าในมยองดง 
ร้าน Daepo Jimdak (대포 찜닭) : สถานี Shinchon exit2 ร้านอยู่ซอยตรงข้ามกับโบสถ์ 


ที่นี่ร้านมีความเก๋ตรงที่ เวลาเราจะเรียกพนง.​เราต้องบีบไก่เว้ย พอบีบปั๊ป มันจะร้องดังมากกกก และพนงในร้านทุกคนก็จะขานพร้อมกัน "เน~" คือตลกอะ 555555 น่ารักดี
เมนูที่สั่งคือจิมดักไม่มีกระดูก+รสเผ็ดน้อยสำหรับ 2 ท่า มันไม่มีสำหรับ 1 คนอ่ะ ภาคบังคับจ้า55




เครื่องเคียงกับข้าวที่นี่ตักไม่อั้น self-service จ้า บอกเลยว่าสลัดข้าวโพดอร่อยมากๆ มันกินแก้เลี่ยนได้ดีมากๆ ข้าวก็หนึบหนับ อร่อยยยย  

และนี่คือหน้าตาของจิมดักที่สั่งไปค่ะ~!!



รสชาติ: 10/10!!!
ถึงแม้ว่ามันจะเผ็ด มันก็ยังอร่อย นี่ขนาดสั่งเผ็ดน้อยนะ มันยังเผ็ดเลยอะ (ปกติเป็นคนกินเผ็ดนะ) กินไปน้ำมูกไหลไป 55 ซอสเผ็ดหวานเค็ม กลมกล่อม เนื้อไก่นุ่มร้อนๆกินกับเส้นหนึบๆ ตักมาราดข้าว แกล้มกับเครื่องเคียง ฟินสะใจมวากกกก T T~ 
โต๊ะอื่นนี่เค้ามากินเป็นคู่ เป็นกลุ่ม เรานั่งกินกับอากาศไปค่ะ เก๋ๆ ถามว่าหมดไม๊ ..​หมดก็บ้าแล้ว 555555  กินสองคนอะกำลังดี เสียดาย 

SNS discount! เค้ายังมีโปรแบบว่า ถ้าไป Share ภาพที่กินที่ร้านเค้าพร้อม Hashtag ตามที่เค้าบอก ก็จะได้ส่วนลด 1,000 W ด้วย นี่ก็เอาสิ จะเหลือหรอ 555555 พิมพ์ๆเกาหลีตามๆไป ใช้ caption ง่ายๆ ไปยื่นเค้าน์เตอร์ตอนจ่ายตัง 
มื้อนี้โดนไป 19,000 W (จากเดิม 20,000 W)
อปป้าที่คิดเงินเค้าก็มีถามนะ ยูรู้จักร้านนี้ได้ไง เราก็บอกว่าเรา google เจอบล็อกไรงี้ ละเด่วไอจะรีวิวให้ยูเหมือนกัน อปป้าก็ยิ้มขอบคุณใหญ่ 
หลังเติมพลังละ เราก็ไปช้อปปิ้งกันที่มยองดงค่ะ!!
.
.
SHOPPING ล้มละลาย @ MYEONGDONG 
ใจไม่แข็งต้องพกเงินไปเยอะๆค่ะบอกเลย 55555 นี่คือวันแรกโดนไปราวๆ 300,000 W คุณพระ T T 
หมดสิ้นไปกับเครื่องสำอาง โดยเฉพาะร้าน Holika คือตอนแรกกะแค่เดินเล่นๆ สักพัก BA เดินประกบ แนะนำทินต์ ว่าตัวนี้ดี best seller อ่ะหยิบ.. (อันที่ถือนี่แหละ ส่วนโปรดักอื่นๆเชอไม่ได้ถ่ายมานะคะ ไว้ถ้ารีวิวจะแยกเป็นโพสต์ใหม่ค่ะ)




อยากได้คูชั่นหน้าขาวๆมีมั้ย? แบบยกโทนเลย เดินๆไปมี อะหยิบ.. เจอ Eye cream ที่ว่าลดริ้วรอยดีมากฮอตฮิตสุดๆ โปรหนัก ซื้อหลอดใหญ่แถมสองหลอดเล็กในราคา 79,000 W อินี่ก็ลังเลอยู่นาน Eye cream อัลไลวะ กรูก็ไม่เคยใช้ ละนางก็ขายอีก บอกว่าเนี่ย ใช้ทาหน้าได้ด้วยนะ ดาราเกาหลีก็ใช้ (นี่ก็ไม่ได้ใช้ตามดาราหรอกเอาจริงๆ..) หันไปหา BA Okๆ ในใจนี่.. อิเชอเอ๊ยยย!!! T T เห็นแก่ของแถมล้วนๆ 555555 Primer สีๆก็โดนจ้า~ 

.
.
สำหรับร้านคสอ. ถ้าซื้อเกิน 100,000 W จะได้ Tax refund ทันที นี่ก็ได้สิ ทะลุแสนละไง 555555
บ้าที่สุด~~
หลังจากนั้นก็เดินรอบๆ เดินวนไปค่ะเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ เดินจนปวดหลัง ไปแวะ Osulloc กินชาเขียวปั่นหน่อยดีก่า เมนูที่สั่ง เราจำชื่อไม่ได้อ่ะ แต่รสชาติอร่อยมว๊ากกก ฟิน หอมชาเขียว ชื่นใจ~ ไม่หวานมาก ชอบตรงนี้แหละ




ในส่วนของมื้อเย็น คือเราไม่ค่อยหิว ส่วนใหญ่มาเกาละเวลาอากาศเย็นๆจะไม่ค่อยหิวมาก เลยกินไก่ต๊อก street food เป็นอาหารเย็นแทน 



หลังจากเติมพลังละก็ต้องแวะ STYLENANDA PINK HOTEL ตั้งแต่มันเปิดมา ตั้งใจไว้ว่าต้องไปให้ได้ เดินเปิด google map เออจะบอกว่า google map ที่นี่ใช้งานแทบไม่ได้เลยจ้า มันไม่ show route ตลอดดดดด ต้องเดินงมๆตามทิศไปนะฮะ =="
.
.
งมจนถึงจนได้!!! 




บอกเลยว่าใครเป็นแฟนแบรนด์นี้ ต้องมาเยือนค่ะ Shop มันน่ารักมาก มีหลายชั้น เดินกันจนเมื่อย อินี่ก็เกือบได้ตุ้มหูมาละ แต่ชั่งใจ เก็บเงินไว้ก่อนนะลูก... นี่แค่วันแรก 5555555



พอไปถึงชั้นบนสุด ดาดฟ้า จะเจอ PINK POOL CAFE 





กลางคืนคือชิวมากกกกก ชิวแค่ไหนถามใจเธอดู นอนฟังลมเย็นๆ สบายไปอีก






ดูบรรยากาศเพิ่มเติมใน IG: https://www.instagram.com/p/BTd9jjrDtXm/?taken-by=cherriiecherry


แปลก ไปรอบนี้ไม่ได้อะไร..​( น่าจะรู้สึกผิดจากการล้มละลายเมื่อครู่ ถถถถ)
หลังจากนั้นก็กลับบ้าน พักเท้าพักหลัง ปาไป 20K+ ก้าวค่ะวันแรก 555 

2nd DAY IN SEOUL ALONE : EWHA>CHURCH>ITAEWON

มื้อแรกของยวันนี้ เราตั้งใจจะไปกิน Queen's Bagel ที่อีแด.. รีบบึ่งออกจากที่พัก และ "เดิน" ไป ซึ่งตอนแรกคิดว่าไม่ไกลมาก .. อ้อเหาะ อย่างไกล! เดินไปถึง Queen's Bagel..

" CLOSED "

/ก๊า... ก๊า.. ก๊า../

*เสียงอีกาบินผ่านหัวแปป*
T______________T



คือดั๊นน ไม่เลื่อนลงมาดูว่าร้านมันปิดวันอาทิตย์!!! เซ็งเป็ด ก็เลยไปฟาด ISAAC แทน อยู่ในลิสต์อาหารที่ต้องกินเซม





เมนูที่สั่งเป็น Special Ham อะไรสะอย่าง ซึ่งเค้าจะใช้เป็น Toast (ในร้านมีเมนูขนมปังหลายแบบ อาทิ Toast, bagel, muffin) 

รสชาติ: เฉยๆว่ะ แอบไม่ปลื้มเล็กน้อย
คือเราไม่ชอบรสชาติซอสมันอะ มันแบบหวานๆ ให้ความรู้สึกแบบสลัดน้ำใสอะแกร กินๆไปแก้หิว==
.
หลังจากนั้นก็เดินเล่นช๊อปเสื้อผ้าย่านอีแดนี่แหละ ที่นี่เสื้อผ้ากำลังเข้าหน้าร้อนเลย ถือว่าถูกด้วย มีตั้งแต่ 5,000 W ขึ้นไป ตกตัวละ 150 บาท+อ่ะ ส่วนใหญ่จะราคา 10,000 W อินี่ก็ได้เสื้อมาหลายตัวเชียว 



 ระหว่างทางเกิดหิวน้ำ หิวกาแฟ เจอร้านกาแฟราคาถูกร้านนึง เลยลองสักหน่อย




ร้านมีชื่อว่า ปม-ปม คาเฟ่




ซึ่งจำได้ว่าสั่ง iced cappu ราคาประมาณ 2,000 W จัดว่าถูกเลยแหละ



ลองชิม..



เดินไปสักระยะ




"ทิ้ง"



== คือรสชาติแบบ.. เหมือนน้ำแข็งในแก้วกาแฟเย็นที่กินเหลือประมาณ 1/4 แล้วปล่อยทิ้งไว้จนน้ำแข็งละลาย เหมือนน้ำเจือจางกาแฟ



บรัยส์

.
.
หลังจากนั้น เดินๆไปจนเริ่มคอแห้งอีกรอบ เจอ GONG CHA ร้านที่เห็นบ่อยมากๆ ลองสักหน่อย!




เมนูที่สั่งคือ Grapefruit greentea ade + aloe ลดหวานเหลือ 30% ปริมาณน้ำแข็งปกติ

ราคา 4,500 W
รสชาติ: 10/10!!!
คือมันสดชื่นมว๊ากกกกกกกกก รสชาติชาเขียวพร้อมรสเปรี้ยวหวานกำลังดีของ grapefruit เคี้ยว aloe เพลิน คือดื่มอย่างเร็วอะจำได้ มันสดชื่นมากจริงๆ อร่อยมากๆ อยากกินอีกหลายๆรสเลยยย แต่เสียดายวันอื่นไม่มีโอกาสได้ลอง
.
.
หลังจากนั้นเชอก็แวะไปโบสถ์ค่ะ ตั้งใจไว้ว่ารอบนี้ต้องลองไปโบสถ์เกาหลีให้ได้ ซึ่งมันตรงกับวันอาทิตย์พอดี ตอนหาข้อมูลก็มีอ.ที่เป็นคริสเตียนที่ไทยแนะนำโบสถ์ Onnuri ซึ่งเห็นว่ามีสองสาขาคือ Dogok กับ Seobinggo เชอเลือกไปสาขา Seobinggo ค่ะ ที่นี่เค้ามีนมัสการตอนเย็นด้วย





ในส่วนของภาษา เค้าจะเทศน์เป็นภาษาอังกฤษ​ค่ะ
ห้องจะเป็นห้องส่วนกลาง คือเหมาชั้นเลย




การนมัสการจัดว่าดีเลยค่ะ เพลงเพราะ แลดูเป็นคอนฯเลย ผู้เทศนาก็ภาษาอังกฤษดีมาก ฟังง่ายค่ะ

แนะนำนะคะ สำหรับใครที่หาโบสถ์เทศน์ภาษาอังกฤษ ลองมาที่นี่ดูค่ะ ลงสถานี Seobinggo เดินข้ามฟากสะพานมา ละเลี้ยวผ่านร้านค้าตรงผ่าน Apartment ยาวๆๆๆๆ ไปจนออกประตู ข้ามถนน ถึงโบสถ์ค่ะ ถ้างงทางไม่แน่ใจ ให้ถามอาจอชี security แถวนั้นค่ะ ตอนอินี่ไปก็หลงๆ เลยเดินไปถามเค้าว่า "Onnuri church ออดีอิซซอโย้?" เค้าแบบยิ้มและดูเซอร์ไพรส์ ละถามกลับ "นี่ยูมาจากไหน?" 555555
.
.
หลังจากนั้นเราก็ไปบุกอิแทวอน! ทริปที่แล้วตั้งใจจะไป แต่ก็ไปไม่ทัน เวลาไม่พอ ทริปนี้ต้องไปดูให้รู้หน่อยว่าเป็นไงบ้าง
บรรยากาศที่นี่คือให้อารมณ์แบบ ทองหล่อ นานา บ้านเราอ่ะ ร้านบาร์เยอะมากๆ ร้านอาหารออกแนวฝรั่ง




 ยิ่งดึกคนยิ่งคึกเลย





อินี่อยากกินอาหารเกาหลีมาก เลยเดินหาร้านเกาหลี จนเจอร้านนึงดูพื้นๆดี

ด้วยความที่ตัวเองก็พออ่านเกาออก เลยไม่ได้ท้วงเมนูเกาล้วนที่อาจุมม่าให้มา มองเมนูอยู่สักพัก ก็ตัดสินใจสั่งเมนูที่คนไทยคุ้นเคย.. "Dolsot-bibimbap" 5555555 และด้วยความที่โต๊ะมันมีเตาปิ่งย่างอยู่แล้ว เลยจะสั่งเนื้อมากินซะหน่อย ก็ชี้เมนูที่เขียน Bulgogi ไป


แต่สรุป.. มาเป็นซุปจ้า ตอนแรกคิดว่านางเสริฟเป็นเซ็ตเดียวกับข้าวยำซะอีก 55




ข้าวยำรสชาติก็ใช้ได้ค่ะ เหมือนมันมีแต่ผักล้วนๆเลยอะ 55 

หลังจากนั้น ก็มีสองสาวฝรั่งเดินเข้ามา นั่งโต๊ะข้างๆ
ละเค้าได้เมนูเกาล้วน เค้าแบบไม่เข้าใจเกาเลย ละเค้าก็มองมาที่อินี่ ก็ถามนี่กินไร ก็แนะนำไป ละเค้าก็ดูยังไม่รู้จะสั่งอะไร 
เราเลยบอกจุมม่าขอ English menu ไปๆมาๆ อินี่กลายเป็นล่ามช่วยสั่งให้ไปเลย 55555555
คือเค้าจะสั่งเนื้อที่เดียว แต่เหมือนตามธรรมเนีนยมบ้านเค้า สองคนก็ต้องสั่งสองที่ เราก็ช่วยสื่อสารแปลให้เค้าฟัง เค้านี่ขอบคุณเราใหญ่เลย ทั้งที่จริงๆ.. เค้าก็ไม่รู้ว่าอินี่ก็เปนกะเหรี่ยงเหมือนกัน 55555555 คือรู้สึกภูมิใจในภาษาเกาหลีงูๆปลาๆ general phrases ของตัวเองมาก  
มื้อนี้ราคาไม่แพงมากค่ะ สองอย่าง+ Cass beer x1 ขวดใหญ่ ก็ 20,000 W  



ย่านอิแทวอนนี่เชอไม่ค่อยได้สำรวจเยอะอ่ะ ส่วนใหญ่เป็น Bar ร้านกิน ร้านนั่งชิวซะมากกว่า เลยกลับไปฮงอิก เพื่อฟาด Kiss the tiramisu ร้านเจ้าดัง ที่ไทยก็มีแหละ แต่อยากกินที่เกา 5555 ได้ฟีลมากกว่า..​   แต่พอไปถึง..

"ปิดดดดดดดดดดดดดดดด!!!" 


 ว๊อททททททททททททท!!? T T 
คือจะนกของกินไปถึงไหน? ตอนเช้าก็นกเบเกิ้ล วันนี้นกติมอีก เห้อมม เดาว่ามันปิดวันอาทิตย์อะนะ 
สักพักเดินละเริ่มย่อย เลยไปฟาดไก่ต๊อกแทน ย้อมใจกันไป เชอะ!




รสชาติ: อร่อยมวกกกกกก ฮือออ..​ T T สั่งไก่รสเผ็ด ซึ่งมันก็ไม่เผ็ดเท่าไหร่ ออกหวานนำ ซอสฉ่ำๆ มีทั้งต๊อก มันฝรั่งคล้ายๆ hash brown และ add cheese ราดฉ่ำๆ โอ้ยฟินมากกกก อยากกินอีกกกก

ถ้วยละ 3,500 W มั้งถ้าจำไม่ผิด อยู่ตรงซอยถัดจากซอย Kiss the tiramisu เลยค่ะ 
ต้องโดนค่ะร้านนี้! 
หลังจากเดินเล่นดูเสื้อผ้าจนเหนื่อยและก็กลับห้องจ้า โอ้ย ดูจำนวนก้าวเดินสิ เอาจริงๆคือทะลุ 30K+ ก้าวแล้วแน่นอน 5555 เดินไปเดินมาในห้องก็เกินและ


3rd DAY IN SEOUL ALONE : EXPRESS BUS TERMINAL >GAROSUGIL> GANGNAM>COEX
จากตอนแรกที่แพลนวันนี้จะได้ไปธุระที่อินชอน แต่ก็ไม่ได้ไปละค่ะ ไปเริ่มต้นที่ Express Bus Termimal กัน เห็นว่ามี Underground Shopping Mall ยาวๆ 
พอลงสถานีปุ๊ป จำได้ว่าตอนแรกก็วนๆหาทาง งงๆอยู่ จนเห็นป้ายว่ามี Underground shopping mall นี่แหละ เดินตามป้าย เดินลงบันไดมาเจอเลยค่ะ 
ร้านเรียงรายยาวจริง มีตั้งแต่เสื้อผ้ายันเฟอร์นิเจอร์ 



เสื้อผ้านี่ก็มีหลายวัยนะคะ ตั้งแต่วัยรุ่นยันผู้ใหญ่-ผู้สูงอายุเลย 





ราคามีตั้งแต่ 5,000 W ขึ้นไปเช่นกันค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะ 10,000 W เช่นกัน แต่ร้านพวกนี้เสื้อผ้าก็จะคล้ายๆกันค่ะ ส่วนตัวคิดว่าที่ฮงแดกะดีแดสวยกว่า

หลังจากนั้นก็หาร้านข้าวกลางวันกินในตึกนี่แหละ มีร้านอาหารให้เลือกประมาณนึงเลย นี่ก็อยากประหยัดงบ เพราะต้องกินคนเดียวทุกมื้อ จะจ่ายหนักหน่วงทุกมื้อกลัวสตางค์ไม่พอ 5555 เลยไปจบที่ร้าน รามยอน
ซึ่งเมนูที่สั่งเป็น รามยอนซีฟู๊ด
หน้าตาดูน่ากินชิมิ...

แต่...


รสชาติไม่อร่อยเลยเจ้าค่ะ T T คือบับ มันเหมือนมีแต่รสเผ็ดอะ ไม่มีความกลมกล่อม กินไปน้ำมูกไหลไป เกี๊ยวก็งั้นๆ คือมื้อนี้กินๆไปเพื่อให้ไม่หิวอะเอางี้ดีกว่า..​โธ๋ ~
หลังเติมพลังไปแล้ว ก็ลุยต่อ Garosugil
.
.
ด้วยความที่สติสตางค์ไม่ค่อยมี เน้นเดินอย่างเดียว.. เลยทำให้ลืม "เก็บภาพ" บรรยากาศถนนโดยรอบมาฝากเพื่อนๆ 55555555 มีอยู่รูปเดียวคือรูปตัวเอง สำหรับการเที่ยวชมกาโร+กังนัม
บ้าที่สุดดดด ! 55555555555


สำหรับถิ่น Garosugil นะคะ เชอว่ามันเหมาะกับคนที่ชอบเสื้อผ้ามีสไตล์มากๆ และราคาก็มากตามด้วย 555 คือไม่มีหรอก ตัวละ 5,000-10,000W อ่ะ ถ้าเจอ 10,000 W นับว่าโชคดี อย่างร้านที่เชอถ่ายเนี่ย เค้า Sale ละนะ Sale แล้วยังแบบ ประมาณ 20,000 W อ่ะ จากตอนแรก 40,000 W 
นอกจากนี้ ใครที่อยากหา Cafe ชิวๆเก๋ๆนั่ง ก็ควรมา เพราะที่นี่ร้านกาแฟเยอะมากกกก แต่ละร้านจะดูดีเลยทีเดียว ราคาก็จะสูงหน่อย 
แต่ด้วยความที่อิเชอต้องทำเวลา เลยแวะร้านกาแฟข้างทางเอา


ราคา 3,500 W สำหรับถิ่นนี้ถือว่าถูก ร้านอื่นๆน่าจะ 4,000 W Up+++ 
รสชาติถือว่าไม่เลวเลยค่ะ กาแฟสด หอมอยู่ๆ

ไปต่อที่ย่านกังนัม

Gangnam:
เนื่องจากเราไร้ภาพย่านกังนัม.. เราจะขอรีวิวสั้นๆดังนี้55555
มันมีแต่ร้านแบบ แบรนด์ทั่วๆไป อย่าง Nike, Shoopen, H&M อะไรแบบนี้อ่ะ จะไม่ได้มีอะไรหวือหวามาก (หรือเพราะเราเดินไม่ครบก็ไม่รู้  เอ๋า~!! 55555) คืออินี่อยู่ย่านนี้แปปเดียวมากๆ เพราะเดินรอบๆ กังนัมละมันตรงยิงยาวไปอีกสถานีนึงเลยอะ ซึ่งไกลมากกกกกกกกกกก ไกลจนต้องหลบเข้าไปนั่งพักตรีนในโรงแรม Novotel แถวนั้นอะ คือปวดแทบขาดใจ หลังก็ปวด ปวดจนอยากร้องไห้อะ ถถถ

คำแนะนำ*::ใครปวดหลังที่เกาหลี ละอยากได้กอเอี้ยะแปะหลังแก้ปวด อิเชอขอแนะนำยี่ห้อนี้ค่ะ 

พิสูจน์แล้วว่าของเค้าดีจริงๆ

คือ ตอนเดินอยู่กาโร ปวดหลังหนักมากกกก มันสะสมหลายวัน เลยแวะเข้า ยัก-กุก (ร้านขายยา) กันเลย เดินเข้าไปปุ๊ปเปิดอากู๋ ชี้รูปกอเอี๊ยะให้ดู พูดeng+ทำท่าปลากรอบปวดหลังให้เภสัชดู นางขำกันยกร้าน
นางจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบมา10แผ่น แถมบอก strongest. 
เชื่อแล้วค่ะ .. แปะทีนี่สะท้านทั่วอาณาบริเวณ. สตรวองจริง!
.
.
หลังจากนั้นเราก็ไปแวะเดินเล่นที่ COEX ห้างใหญ่ยักษ์ ลงสถานี Samseong Exit 5 
จากสถานีที่เราไป เจอ Goblin สุดหล่อด้วย.. ดีต่อใจ เก็บภาพสักหน่อย 55555555

และนี่คือบริเวณลานหน้าห้าง หลังจากขึ้นมาจาก Subway ค่ะ


ส่วนตัวคือถ้าไม่ติดว่าปวดหลังปวดเท้าหนัก คงเดินได้อีกนาน เพราะมันเป็นห้างที่ใหญ่มวากกกกกกกก
มีอะไรให้ดูให้ช้อปเต็มไปหมด ร้านเสื้อผ้าดังๆอย่าง A Land ก็อยู่ที่นี่ด้วย ร้านกินก็เยอะ 
แต่ไม่รู้อิเชอเดินไปเดินมา ไปเจอร้านลับในซอยที่เชื่อมไปยังโลกใหม่.. 
ความจริงมันคืออีกตึกที่เต็มไปด้วยร้านอาหารเกาหลีแบบพื้นๆ ไม่รู้เดินไปโซนไหนจริงๆ อันนี้มั่วละเจอ ต้องขออภัยด้วยค่ะ 5555555555 แต่ถ้าใครไม่อยากกินอาหารห้าง และหาอาหารเกาหลีใน Coex ต้องสุ่มเดินดู 
จุดสังเกตคือมันจะมีบันไดเลื่อนเดินขึ้นไป ข้างในคือเงียบมาก มีแต่ร้านอาหารแบบร้างๆผู้คนอ่ะ55555
เชอเลือกกินร้านนี้เพราะมันมีเมนู "제육뽁음" เชยุกป๊กกึม" (หมูผัดซอสแดง) แปะอยู่หน้าร้าน 


และแล้วก็ไม่ผิดหวัง.. อร่อยและถูกด้วยยยย!! 7,000 W เท่านั้น หมูผัสซอสแดงคือหวานเค็มเผ็ดนิดๆ ดี๊ดีอ่ะเธอ ชอบบบบ ต้องลองไปตามหาดูนะคะเพื่อนๆ คนขายเป็นคุณลุง 
จากนั้น เชอก็กลับไป Sinchon ย่านที่พัก และเห็นว่ามีร้าน Crepe แถวบ้าน เดินผ่านทุกวัน เลยแวะสักหน่อย 
ร้านนี้จะอยู่ใกล้ๆ ทางออก 1 คือเดินออก ตรงแล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อยๆจะเจอเลยค่ะ 
ร้านนี้ขายทั้งเครปเย็น เครปร้อน ไอติม กาแฟ มีหมด เป็นแบบ Takeaway 
ยืนเลือกอยู่นาน อยากกินหลายๆอย่าง เลยสั่งแบบทั้ง ice-cream + cheesecake+oreo เบาหวานไม่กลัว อ้วนไม่กลัวทั้งนั้น 55555


ราคา 6,500 W
ตักเข้าปากคำแรกนี่แบบ..​อื้อหื้อออ 
"ความหว๊านนนนนน~~~ ในใจชั้นนั้นมันต่ำไป~~" (หราาาาาาาา)
คือซอสก็หวาน ไอติมก็หวาน โอรีโอ้ก็หวาน มันหวานตีกันไปหมด ตัวแป้งเครปคือสิ่งที่หวานน้อยสุดอ่ะ 555555 ทีนี่เค้าใช้ไอติมของ Hagendaz รสชาติมันเลยคงเข้มข้นมากๆ  ตัวซอสช็อคโกแลตมันน่าจะเป็นของ Nutella นะถ้าจำไม่ผิด .. สรุปโดยรวม เราว่ามันหวานไป เลี่ยนมากๆ เลยไม่ขอสู้ ไม่ปลื้มเท่าไหร่กับเมนูนี้ 555 
จบสำหรับวันนี้
ปิดท้ายการเดินวันนี้ และเป็นการเดินที่เยอะที่สุดในชีวิตตั้งแต่ลืมตาดูโลกมา. ถถถถ


4th DAY IN SEOUL ALONE : EWHA>HONGIK>HAPJEONG>HAN RIVER
วันนี้วันที่ 4 แล้ววว เวลาผ่านไปไว๊ไว วันนี้เราจะเที่ยวเล่นแถวบ้านกันค่ะ 
BUT FIRST..
.
.
LET ME HAVE A BAGEL !!! 
55555555555 

คือต้องการ วันนี้ชั้นต้องฟาด ต้องโดนให้ได้ กับนัง Queen's Bagel 
วันนี้เราไม่เดินค่ะ นั่งไปสถานีนึงลง Ewha เดินดุ่มๆๆ สู่ร้าน..​ ละล๊าว..

"วันนี้ ชั้นไม่นกนาจาาาาาาา"  555555555555555 หัวเราะอย่างมีชัย! 

ในร้านจริงๆมีครีมชีสให้เลือกหลายรสมากเลย ถ้าจำไม่ผิดจะมีแบบ Blueberry, Oreo, Pitsachio etc. หรือถ้าไม่ชอบครีมชีสก็จะมีแบบทำสดให้อย่าง Ham+Cheese อะไรแบบนี้ 
อิเชอเลือก Cream cheese รส Cheddar Cheese ค่ะ จำได้ว่าเคยสั่งรสหวานๆกินตอนเช้าละไม่รอด (ตอนนั้นกินร้าน Cafe bene) 
ร้านนี้เปิดตั้งแต่ 7.30 น.นะคะ และครีมชีสหมดคือหมด แนะนำให้มาเร็วๆ บางรสก็ใกล้หมดแล้ว ตอนที่เชอไป (อินี่ไปถึงเกือบๆ 12.00 น. มัวแต่แต่งตัว 5555) 

ด้วยความที่ร้านเป็นแบบ Grab & Go เราเลยไปหาร้านกาแฟนั่ง ไปเจอร้านนึงดูดีเลยบุกเข้าไปเลย
สรุป.. เป็นร้านกาแฟจากฮ่องกง อือหือ.. ผิดคาดมาก เพราะอยากลองกาแฟเกา 555 แต่ก็เอาวะ ไหนๆก็เข้ามาละ สั่งให้มันจบๆละจะได้กินสักที 
.
.
ไม่รีรอ คว้าถุงเบเกิ้ล เปิดชิม.. 
คำแรกคือบับ..​ "โอ้ย ครีมชีสกับ Cheddar Cheese TT" คือมันละมุนละม่อม มันๆ ละกินกับเบเกิ้ลกรอบนอกนุ่มใน ดจีย์มากกกกอ่ะะะ 



แต่บอกตรงๆว่ากินไปครึ่งนึงก็เหนื่อยละอ่ะ อีกครึ่งต้องเขี่ยครีมทิ้ง มันเลี่ยนมากๆ 555555 แต่อร่อยมาก คอนเฟิร์ม คนรักชีสต้องชอบ!! 
.
.
กินคู่กับคาปูร้อนๆ ดี๊ดี แต่ร้านนี้กาแฟแอบมีความแปลกนิดนึง หรือเป็นเอกลักษณ์กาแฟฮ่องกงก็ไม่รู้ 55555 แก้วนี้ 4,000 W หรือ 4,500 W นี่แหละ 




ซูมๆ ชีสให้ดูสักรูป~



Bagel เมนูนี้ 3,900 W ค่ะ
หลังจากเติมพลังอาหารเช้าปนเที่ยงละ เราไปลุยย่านฮงแดกัน
อย่างที่รู้กันว่าย่านนี้ เหล่าวัยรุ่นนักช้อปยังไงก็ต้องไม่พลาด ร้านอาหารพรึ๊บ เสื้อผ้าละลานตา ร้านน่ารักๆเยอะเลยค่ะ ราคาก็มีตั้งแต่ถูกยันแพงเหมือนกัน แต่ยังถือว่าถูกกว่าย่านกังนัม กาโร เยอะ


ใครมาย่านนี้ ไม่ควรพลาดที่จะแวะร้าน Chuu เสื้อผ้าสตรีทสุดชิคของสาวๆเกาหลี ร้านจะอยู่ตรงข้ามกับ Stylenanda Flagship store เลย ตอนอินี่เดินหาทางนี่มึนเลยทีเดียว Google map ไม่ค่อยอำนวย55 แต่แนะนำให้เดินให้ทั่วนะคะ ฮงแด มันมีร้านอะไรให้ดูเยอะแยะตลอดทางเลย 
(ทริปนี้สอนให้เรารู้ว่า Map ช่างแม้ง 5555555)




ร้าน Chuu มีการตกแต่งคลุมโทนชมพู น่ารักสดใสมากๆๆๆ เหมาะแก่การมาถ่ายรูปสุดๆ




ของก็มุงมิ้งน่ารัก ชั้นบนจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า ต่างหู ถุงเท้า ราคาก็ไม่ถือว่าแรงเกินไปนะ เสื้อบางตัวก็ 10,000 W+ ก็มี ถ้าจำไม่ผิด



ส่วนชั้นล่างจะเป็นชั้นขายชุดชั้นใน พอเดินออกมาก็จะเจอตู้เกมด้วย แจกซิลิโคนบรา 555   
เดินช๊อปจนหนำใจละ ต้องแวะเติมพลังหน่อย! 
ตอนแรกเราตั้งใจจะไปหาร้าน 신선설농탕 (ชินชอน ซอลนงทัง) เป็นร้านซุปเนื้อวัว แต่หาไม่เจอ อย่างที่บอก Google map ไม่เคยจะอำนวย เดินไปเดินมา เจอร้านนี้ 


"나주곰탕" (นา-จู-กม-ทัง) ยืมด้อมๆมองๆป้ายอยู่ มีซุปเนื้อมั้ยว้า.. 
ละอาจอชีที่ขายขนมอยู่ข้างหน้าก็แนะนำใหญ่เลย แบบ ร้านอาหารข้างบนน้าๆ แกน่ารักมาก.. 
พอเห็นว่าเออมันมีซุปเนื้อวัวเว้ย เลยป่ะ! ขึ้นค่ะ! 


ทางเข้าร้าน


บรรยากาศภายในร้าน ตกแต่งแบบโบราณ นั่งสบายๆ 



พอจะสั่งก็กดกริ่ง นี่ก็ได้สั่งซอลรองทังสมใจ ที่นี่เค้าให้เลือกปริมาณข้าวด้วย S M L นี่ก็สั่ง M ไป  
หลังจากนั้นเค้าก็จะเอาถังกิมจิมาเสริฟ 
สักพักซุปเนื้อวัวที่รอคอยก็มา.. และก็เป็นมื้อที่ยังคงตราตรึงในใจจนถึงทุกวันนี้..​T T 
ฮือออ คือรสชาติซุปมันช่างกลมกล่อม หอมกลิ่นเนื้อวัวที่เคี่ยวจนได้ที่ กินกับข้าวสวยร้อนๆ แกล้มกิมจิ คือฟินมากกกกกกก!!


ข้าวสวยที่นี่ เป็นข้าวเกาหลีที่อร่อยที่สุด ของที่สุด และที่สุด ตั้งแต่เคยกินมา.. ฮรือออ TT <3
มันหนึบหนับนุ่ม เคี้ยวเพลิน โอ้ยพิมพ์ไปหิวไป 55555555 บอกก่อนว่าซุปนี่ต้องใส่เกลือนะ ไม่งั้นไม่รอด มันจืดมาก 


มีหรือที่มานั่งแล้วจะไม่ Selfie 555555555 #OOTD วันนี้คือเข้ากับร้านอย่างปะหลาด ดูจี๊นจีนเนอะ ถถ 
ส่วนราคา มื้อนั้นจำไม่ได้อ่ะ แต่รู้ว่าไม่ได้แพงอ่ะ อร่อยขนาดนี้ ยังไงก็จะกินอีกว้อย!!
.
.
หลังจากอิ่มมื้อหลักละมีหรอจะไม่ต่อของหวาน? หืมมมม.. 
คราวนี้ไม่นกจ้าาา แวะมากิน Kiss The Tiramisu แต่เป็นสาขาใกล้ตึก Elcube  
4,900 W สั่งรส Original อร่อยเหมือนเดิม



คอมพลีทกระเพาะละไปต่อได้!
มุ่งหน้าไปสถานี Hapjeong แวะ Mecenatpolis Mall ตามรอย GD ถถถ
ใครหลายคนอาจจะเคยเห็นรูปท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยร่มสีๆ 
มันคือที่นี่นั่นเอง~


ถ่ายรูปออกมา สวยมากๆ



ART สุด.




แลดูกลมกลืนกับสีหัวชั้นเนอะ 55555


ห้างนี้ก็มีทั้งร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า จะออกแนวร้านของ Fashion designer หน่อย ร้านทั่วไปก็มี พวก 8seconds ที่ GD เป็น Presenter , NIKE และร้านอาหารต่างๆ อ้อ ที่นี่เค้ามีโรงหนังของ Lotte ด้วย ถือเป็นห้างเงียบๆนะ ..​ (เงียบเลยแหละ ในใจนี่ยังคิด ร้านเสื้อผ้าพวกนี้จะอยู่รอดได้ไงวะ แทบไม่มีคนเลย ถถ) 
หลังจบทัวร์รอบห้างนี้แล้ว เราจะไปต่อกันที่ "แม่น้ำฮัน" ฮ่าาาาาาา~~ สถานที่ที่อิเชออยากไปนั่งกิน ChiMaek มากๆๆๆ 
เดินทางง่ายค่ะ ลงสถานี Yeouinaru exit2,3 ถึงเลย 



ผู้คนหลั่งไหลมาเยอะมากๆ ! อ้อ ลืมบอก ตอนเดินลงมานี่เหมือนเจอฝูงมหาชนอาจุมม่าแจกใบปลิวไก่ Delivery อ่ะ555 คือแย่งกันแจกจริงจังมากกก นี่ก็รับๆมาหมด แต่เท่าที่ดูเมนูมันเยอะมาก สำหรับกินหลายๆคนเลย




 ไอเรามาคนเดียว เลยเดินไปดูร้านแถวนั้น..  เจออยู่ร้านนึง แก้วที่ถือนี่แหละ ถถ




อาจอชีคนขายแกน่ารักเฟรนลี่มากๆๆ คือเรากำลังยืนมองร้านเค้าอยู่เว้ย ว่าใช่ไก่ป่ะวะ กำลังคิดอยู่ว่ามันมีแบบยังนยอมมั้ย (ไก่ราดซอสเผ็ด) แกก็พูดภาษาเกาหลี ละก็คีบไก่ที่ทอดเสร็จมาให้ชั้นชิมเว้ย! เราก็รับมากินแบบงงๆ คือประมาณว่าเค้าให้ชิมอะแหละ ละนางก็พูดไรไม่รู้ถึงชั้น ขำกับลูกค้าวัยรุ่นที่ยืนรอไก่ 
อินี่เลยเอาวะ เห็นมันมีซอสด้วย เลยไปพูดกะอาจอชี "ยังนยอม.." เค้าก็แบบ โอ้ะ.. ดู surprise แบบเอ็งรู้จักด้วยหรอ? แหม่ ไม่อยากจะบอก อยู่ไทยนี่แหล็กประจำฮ่า 5555555555 
เค้าก็ชวนคุยถามๆมาจากไหน มีชงมีชมอีก แหม่ น่ารักจริงๆอาจอชี 555555555
อ่ะต่อๆ แก้วที่เห็นคือไซส์ใหญ่นะคะ 10,000 W แอบแพงนิดนึงแต่ก็โอเคแหละ ไก่ชิ้นใหญ่เหมือนกัน บรรยากาศก็ดี อะไรก็ยอมหมดอะนาทีนี้ 
.
.
หลังจากนั้นเราก็เดินมุ่งหน้าไปยัง Minimart ใกล้ๆ ซึ่งคนเยอะมากกกก ต่อคิวกันซื้อเบียร์ รามยอน ละก็ไปกดน้ำร้อน คือกินรามยอนที่นี่ก็คงฟีลกู๊ดไปอีกแบบอะ คิดดู
อากาศเย็นๆลมพัดมาหนาวๆ ซดน้ำรามยอน ซู๊ดเส้นซ๊วบๆ แบบในซีรี่ส์ โอ้ยดจี๊ดจีย์~~

อยากให้เห็นบรรยากาศจริง 

A post shared by cherriiecherry 체리체리 (@cherriiecherry) on

และจะบอกเลยว่า ที่นี่เป็นที่ๆ อิเชอประทับใจมากกกกกกก คือจะว่าติด Top มากที่สุดในทริปก็ได้อะ 
เพราะบรรยากาศมันดีมากกกกกกกก ลมเย็นสบายยย วิวสวยงาม เหมาะแก่การนั่งชิว ฟังคนร้องเพลง กินไก่กับเบียร์เป็นที่ซู๊ดดดด!! โอ้ยมันดีเจรงๆๆๆๆ เข้าใจละทำไมคนเกาหลีชอบมากินไก่กะเบียร์ที่นี่!!



ฟังอปป้าร้องเพลงโปรด Beautiful Life - Ost. Goblin อีก >> https://www.instagram.com/p/BTlosAaj0V_/?tagged=cherriiecherryxseoulalone


เค้าก็จะมีคนที่คอยชวนวัยรุ่นแถวนั้นขึ้นไปร้องเพลง หรือไปเต้นโชว์ตลอด 
นี่เจอสองหนุ่มเต้น NOT TODAY - BTS หล่อเลยค่ะ แค่เต้น ด้านหลังก็หล่อแล้วค่ะ 5555

ควรมามากกกกกก จริงๆ นึกละยังอยากไปอีกกก~  รูปเบลอมาก แต่อยากลง เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากจริงๆ ^^



จบการเดินทางวันที่ 4 ต้องรีบกลับที่พัก เพราะพรุ่งนี้เราจิไปปูซานกันฮร่าาาา (ลุยไปอี๊กกกกกก)


5th DAY IN BUSAN ALONE : SEOMYEON> SHINSEGAE > BUSAN AQUARIUM > HAEUNDAE BEACH
การเที่ยวปูซานนั้น เป็นแพลนที่เพิ่งแทรกเข้ามาหลังจากกดจองตคบ.และที่พัก 9 วันไปแล้ว ไหนๆก็ไหนๆ จะให้อยู่แต่โซลก็กลัวจะไม่มีไรทำ เลยยอมเสียที่พักคืนนึงในโซลไป 
การเดินทางไปปูซานนั้น เชอเลือกซื้อตั๋วรถไฟแบบ Korail Pass : Flexible 2-day pass ค่ะ 
ราคา 102,000 W ตีเป็นเงินไทยก็โดนไป 3,218.13 บาท 
แบบ Flexible 2-day pass คือเราสามารถแยกวันได้ ไม่จำเป็นต้องเดินทางติดกันสองวัน 


สำหรับตั๋วรถไฟแบบ Korail Pass จะมีให้บริการเฉพาะชาวต่างชาติเท่านั้นนะคะ ค่าโดยสารยังไงก็ถูกกว่าซื้อเดี่ยวๆแน่นอน 

วิธีการจองตั๋วรถไฟแบบ Korai Pass: http://seoulcafe2013.blogspot.com/2016/03/ktx-kr-pass.html 
ช่องทางการจอง: https://www.letskorail.com/ebizbf/EbizbfForeign_pr16100.do 



เวลาขึ้นรถไฟไปปูซาน เราต้องไปขึ้นที่ Seoul Station นะคะ ปริ้นท์เอกสารใบจองให้เรียบร้อย นำบัตรเครดิตที่ใช้จ่ายจริง Passport ไปด้วย ห้ามลืมเด็ดขาด ไม่งั้นจะออกตั๋วให้ไม่ได้นะคะ ก่อนพิมพ์ต้องเช็คตัวสะกดให้ดี

พอไปถึง ให้เดินเลย Ticket booth ไปก่อนเลย มุ่งไปที่ Information ค่ะ ตอนหาข้อมูลก็เห็นอยู่ว่าเค้าให้ไปบูท Information แต่อินี่เอ๋อเดินไป Ticket booth ก่อน เสียเวลาต่อคิวอีก5555 โง่จริง
พอยื่นเอกสารอะไรเรียบร้อยแล้ว เค้าก็จะยื่นตั๋วหน้าตาแบบนี้มาให้ 
ห้ามทำหายเด็ดขาดดดด!!



เราต้องใช้บัตรใบนี้ในการแลกตั๋วเดินทางตลอดนะคะ 

และเราจะเปลี่ยนแปลงวันเดินทางไม่ได้แล้วด้วย หลังจากนั้นค่อยไปที่ Ticket booth ละก็บอกเค้าว่าจะไปไหน ซึ่งเค้าจะเลือกตั๋วรถไฟรอบที่เร็วที่สุดให้ ถ้าโชคดีก็จะมีที่นั่ง แต่ถ้าโชคร้ายเค้าก็จะบอกว่ามีแต่ Stand นะ ยูจะเอามั้ย ไม่งั้นก็ไปรอบต่อไป ซึ่งรอบที่เชอได้คือรอบถัดไปค่ะ ขอนั่งละกันนะ ยืนบ่ไหว 5555



ส่วนวิธีการอ่านตั๋วก็ไม่ยากค่ะ ตามที่เค้าระบุเลย



ส่วนเลข 12 4A ให้ไปสังเกตตรงขบวนรถไฟนะคะ มันจะมีบอกอยู่ว่าเราต้องนั่งโบกี้ไหน
.
. 
ช่วงระหว่างรอเวลาขึ้นรถไฟ ก็ต้องไปตุนสะเบียงกันหน่อย แถวนั้นมีร้านขายของอยู่ประมาณนึง อยู่ชั้นเดียวกับที่เราต้องเดินลงไปขึ้นรถไฟเลยค่ะ นี่ก็แวะซื้อ Kimbab และขนมปังซะหน่อย และบอกเลยว่า ไม่ผิดหวัง!!! เพราะมันอร่อยมากกก
ตัว Kimbab ไม่ได้ถ่ายตอนกินมานะคะ ลืม 555555555 แต่เลือกเป็นไส้ผักล้วน อร่อยมากๆ มันเป็นผักดอง แครอท รวมๆ จิ้มน้ำจิ้ม โอ้ยดี แลดูเฮลตี้~ (หรา.. ละดูต่อมันกินอะไรอีก5555)



ส่วนขนมปังอันนี้ซื้อจากร้าน Seoul Sweets มีหลายรสอยู่นะ แต่ original เค้าจะเป็นไส้ถั่วแดง ก็เลยเลือกรสนี้มา ตัวถั่วแดงถือว่าใช้ได้เลย หอม ขนมปังก็นุ่มมม




ส่วนพายอันนี้ IS A MUST!!!!!! มันน่าจะไส้คัสตาร์ดอ่ะถ้าจำไม่ผิด รู้แต่พายมันกรอบมากกก กรอบแบบ กรอบกว่าพายทั่วไปมากๆอ่ะ ละมันหอมสุดดดๆๆๆๆ คือร่อยฟินนน อยากกินอีกมาก ซื้อมาแค่ชิ้นเดียวเอง 555




ที่นั่งในรถไฟถือว่าสบายๆ เลยค่ะ ไม่แคบ มีที่วางของให้อย่างที่เห็น กินข้าวได้เลย




เมื่อถึงเวลาเดินทางแล้ว รถไฟที่นี่เค้าไม่รอนะจ้ะ ถึงเวลาปั๊ปรถเดินเลยค่ะ Train to Busan เริ่มแว้วว~

(เสียใจไม่มีกงยู.. 5555555555555)


บรรยากาศ Train to Busan ตอนผ่านแม่น้ำฮัน 



พอไปถึงสถานีปูซานแล้ว ให้เดินออกไปนอกอาคาร ลงมาชั้นล่าง ตรงผ่านน้ำพุไปก็จะเจอ Subway ค่ะ

ต้องบอกเลยว่าปูซานอากาศตอนกลางวันเย็นกว่าโซลมากก ลมพัดเย็นเยือก อากาศสบายๆเลยค่ะ 



เริ่มแรก เชอแวะ  Seomyeon ก่อนเลยค่ะ มันอยู่ก่อนถึงที่พัก จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไป Check-in แล้ววกกลับมา 

ได้แวะซื้อกาแฟเย็นสักแก้วนึงที่ร้าน "MEGA COFFEE"



เมนูที่สั่งนี้จะเป็น Ice cube espresso + latte รู้สึกจะ 3,500 W นะถ้าจำไม่ผิด กาแฟแก้วใหญ่ดีค่ะ 

แต่ตอนแรกเข้าใจว่าจะให้ Ice cube espresso มาแบบล้วนๆทุกก้อน สรุปให้ก้อนใหญ่มา 2 ก้อนเองงะและรสชาติก็หวานด้วย ถ้าใครไม่กินหวาน จะสั่งก็อย่าลืมบอกบาริสต้านะจ้ะ 



ส่วนตัวคิดว่ารอบๆ Seomyeon ไม่ค่อยมีอะไรมาก จะเป็นร้านกิน ร้านปิ้งย่างซะมากกว่า เดินสักพักก็เลยไปที่พักเลย



ในส่วนที่พักปูซานนั้น เชอเลือกที่ Comfortable apartment Busanjin-gu, Busan, South Korea 

https://www.airbnb.com/rooms/14241567 เป็นห้องอพาร์ทเม้นท์ค่ะ เดินจากสถานี Yangjeong ได้ แต่อาจจะเหนื่อยหน่อยตรงขึ้นเขา ใครที่แบกกระเป๋าหนักๆมานี่ได้ BURN อย่างหนักหน่วงแน่นอน 555555 
ที่นี่ เจ้าของห้องเค้าปล่อยเช่า 1 ห้องนอน อารมณ์แบบไปอยู่บ้านเค้า ประมาณนั้น 
ราคาคืนละ 700 + บวกกับค่า service fee ก็จ่ายไปทั้งหมด 800 กว่าบาท ถือว่าไม่แพงเลยเมื่อแลกกับสิ่งที่ได้!




อันนี้เป็นสภาพห้องนะคะ ดึงรูปมาจาก AIRBNB คือห้องใหญ่ เตียงนอนสบายมาก ไม่มีแอร์นะคะ แต่กลางคืนเปิดหน้าต่างนี่เย็นเลย ห้องสะอาด มีไดร์ กระจก ไม้แขวน ที่ตากเสื้อ ทีวี

ห้องน้ำเค้าก็มีของใช้ให้หมดละอ่ะ โถส้วมยังเป็นแบบไฟฟ้า เจ้าของห้องเป็นคุณลุง ใจดีมากๆ มาถึงก็ถามจะกินกาแฟมั้ย ไปเที่ยวไหนต่อ แกคุยอังกฤษได้ค่ะ แกอยู่คนเดียว แกคงเหงาบ้างล่ะ นี่อยู่แค่คืนเดียว แถมไม่ค่อยมีเวลาอยู่ในห้องเลยได้คุยกะแกน้อยมากจริงๆ
.
.
หลังจากนั้นเราไปเริ่มกันที่ห้าง Shinsegae ค่ะ เห็นว่าห้างนี้เป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย 
การเดินทางนั้น ให้ลงสถานี Centrum city ค่ะ 
ด้วยความหิว เลยหาร้านกินก่อน ร้านนี้เป็นร้านอาหารเกาหลีที่เน้นข้าวยำเป็นส่วนใหญ่ 
หน้าตาดูน่ากินใช่มั้ยล่ะ?



แต่ไม่อร่อยอะ == มันเป็นข้าวยำปลาหมึก ละรสมันจืดๆแปลกๆ รสไม่ถึง ขาดความหอมบางอย่าง

แต่จำได้ว่าราคาก็ไม่แพงมาก ไม่น่าเกิน 10,000 W


หลังจากนั้นก็ไปเปิดหูเปิดตา Shop Fashion ที่นี่ จัดว่าเป็นห้างที่กว้างอยู่เหมือนกันนะ ดูดีเลยทีเดียว




ห็นว่าชั้นบนจะมีสปาด้วย แต่ด้วยเวลาค่อนข้างจำกัดเลยไม่ได้ไปค่ะ 

หลังจากนั้นเราก็จะไป BUSAN AQUARIUM กันนน ซึ่งมันตั้งอยู่ติดกับ Hauendae Beach เลย ให้ลงสถานี Hauendae Exit 5 เดินยิงยาวมาเรื่อยๆ จะผ่านร้านอาหารต่างๆมากมาย และเห็นวิวทะเลอยู่รำไร ให้ตรงไปสุดจนเจอทะเล แล้วเลี้ยวขวาค่ะ มันจะมีป้ายบอกทางไป BUSAN AQUARIUM เลย 



BUSAN AQUARIUM

ค่าเข้าชม ปกติ 29,000 W แต่ถ้าเราเป็นต่างชาติจะมีส่วนลด 30% ค่ะ 
Capture coupon ในลิ้งค์นี้ https://www.busanaquarium.com/en/News/View.aspx?GlobalNoticeID=12  ละไปโชว์ให้จนท.ดูพร้อม Passport ค่ะ 
ที่นี่จะดูมีอะไรมากกว่า COEX AQUARIUM นะคะ 




อันนี้จะเป็นทางเดินที่เป็นกระจก




มันก็จะมีความเสียวหน่อยๆ




ทำใจอยู่แพร๊พนึง กว่าจะขึ้นไปยืนเต็มๆ 5555555




พอเดินไปเรื่อยๆก็จะเจอตู้กระจกยักษ์




นั่งมองตู้นี้เพลินมาก สวยงะ .. 




แมงกะพรุนสวยๆ .. จนมาเจอเจ้านี่




กระเบนโคตรน่ารักกกกก มันมาแปะอยู่กระจกยิ้มให้ผู้คนตลอดเลออออ นั้ลลั้กงะะะะะ

ผิดกับอิพี่หลามนี่ 55555555 น่ากลัวชิปหาย



ที่นี่เค้าจะมีให้ท่องเรือท่ามกลางเหล่าฝูงปลาด้วยนะคะ ค่าขึ้นประมาณ 7,000 W มั้งถ้าจำไม่ผิด




พอใกล้ทางออกก็จะมีกระจกให้ถ่ายรูปกับนุ้งปลาด้านหลัง นี่ก็จะมีน้องเบนมาแจมด้วย เห็นมะ ถถ



จบไปกับ Aquarium
.
.
พอเดินออกมาก็จะเจอหาด Hauendae เลย ตอนนั้นเป็นช่วงประมาณ 4-5 โมง ผู้คนก็หลั่งไหลมาเรื่อยๆ 




บรรยากาศริมหาดนะฮะ 





มาคนเดียว ก็ selfie เองวนไปนะคะ 5555



บางทีเห็นคนมีคู่เค้ามาสวีวี๊วี๋กัน เราก็มีโมเม้นท์เหงาบ้างเนอะ 555555 
#โสดก็ทำใจค่ะ 




หลังจากเดินชายหาดพอละ เริ่มหิว เลยไปบุกร้าน Fishcake ชื่อดังกัน

ร้านนี้มีชื่อว่า Goraesa เดินกลับมาทางเดียวกับที่จะขึ้น Subway Hauendae Exit5 เลยค่ะ




สังเกตง่ายๆ มันจะมี Fish Cake ใหญ่ๆแปะอยู่บนตึกแบบนี้




มาถึงเมนูที่สั่งบ้าง

เค้าจะมีให้ไปเดินคีบๆๆ ใส่ถาด ละก็จ่ายเงิน ละก็เอาไปอุ่นไมโครเวฟกิน 
สามารถเดินเอาแก้วไปขอน้ำซุปที่ครัวได้


มีทั้งหมด 4 ชิ้นที่อิเชอเลือกมาค่ะ จำได้ว่าปลาหมึกแพงสุด 6,000 W ต่อชิ้น ที่เหลือไม่เท่าไหร่ มีตั้งแต่ 3,000 W ขึ้นไป บอกเลยว่าคนชอบปลาหมึกต้องโดน! คือเนื้อ Fishcake แม่งแน่นสะใจฟินมากอ่ะ กินทีแบบจุกคอหอย อิ่มมาก ไส้ชีสอันกลมๆก็อร่อย แนะนำนะ ส่วนปูก็ดี แต่อีชีสอีกอันเฉยๆว่ะ กินละแบบแอบชีสปลอม.. 
ตอนนั้นไปประมาณ 6 โมง ถือว่าคนเยอะประมาณนึงอยู่นะ แทบไม่มีที่นั่งเลย ส่วนใหญ่เค้าก็จะยืนกินกันเหมือนกัน ไมโครเวฟก็อาจจะต้องรอคิวหน่อย มันมีอยู่เครื่องเดียวจ้า


ถ้าใครถูกใจ เค้าก็มีให้ซื้อกลับบ้านด้วยนะ เป็นแบบซีลแพ็ค ซึ่งแนะนำว่าควรแช่ตู้เย็นมากๆ เพราะว่านี่ที่ซื้อกลับมาแล้วที่พักมันไม่มีช่องให้เสียบสายตู้เย็น เลยไม่ได้แช่ พอถึงไทยรู้สึกรสชาติมันแอบเปลี่ยน ไม่รู้บูดป่ะนั่น...​== เสียดาย




หลังจากอิ่มเอมกับ Fish cake กันไปแล้ว เราก็เดินกลับไปที่หาดกันหน่อย กะจะไปเดินเล่นย่อย แต่ก็ดันเจอลิสของหวานที่ต้องกินเข้าให้ นั่นก็คือ Softree ก็แวะซิคะ รออะไร!5555555 





กินต่อไปค่ะ อยากกินก็กิน นาทีนี้คำว่าอ้วนคือช่างแม้ง ถถถ 

รสชาตินี่คือแบบน้ำตาจิไหล มันอร่อยมาก.. เนื้อ softserve ช่างนุ่มละมุน กินกับน้ำผึ้งแล้วมันหอมละมุนแบบ โอ้ยค่อยๆละลายในปาก ละมุนลิ้นมาก T T ขนาดอิ่มๆมากินยังฟินเลยอะ ฮืออออ
หลังๆกินแล้วต้องเหลือน้ำผึ้งไว้อ่ะ คือมันหวานมาก กินไม่ไหว แต่โดยรวมคือฟินค่ะ อร่อยจีจี~
หลังจากนั้นก็ออกไปตะลุยความหนาวกัน 
.
.
ปูซานริมทะเล.. ยิ่งดึกยิ่งหนาว 
ลมเย๊นเย็นนนน เย็นเยือก..




รูปมันก็จะเบลอๆ หน่อย..  แต่บรรยากาศตอนดึกนี่ชิวไปอีกแบบเลยนะ มีทั้งคนเล่นพลุแท่ง วิ่งไล่จับกัน หรือแม้กระทั่งโชว์เปิดหมวกต่างๆ





นั่งดูผู้คน enjoy กับชายหาดยามค่ำคืนพร้อมนั่งจิบเบียร์เย็นๆ ไปพลางๆ มันก็มีเพลินดีนะ ไม่ต้องคิดอะไร.. ปล่อยให้สมองโล่ง ประมวลภาพตามสิ่งที่เห็นกันไป..




สุขใจดี.. แม้จะมีช่วงอารมณ์ปนเหงาไปบ้างก็ตาม :) 


6th DAY IN BUSAN ALONE : NAMPO> JAGALCHI > BIFF > YONGDUSAN PARK > BUSAN TOWER > SEOUL
วันที่ 2 ณ ปูซาน. วันนี้เราเช็คเอ้าท์จากที่พักแล้น ซึ่งเจ้าของบ้านงงเลย แบบมาช้าไปไวมาก 555 
วันนี้เราจิไปเดินเล่นย่าน Nampo และไปกินบุฟเฟ่ต์ OASE เจ้าดัง ณ ตลาดปลากันค่ะ เริ่มแรกไปฝากกระเป๋าไว้ในตู้ฝากที่สถานี Nampo ก่อน และก็เริ่มลุย!



อยากจะบอกว่า มันเป็นการเดินโดยไม่พึ่ง Map มาก เพราะดูไม่รู้เรื่อง 55555555 ด้นสดเดินไปเรื่อยๆค่ะคุณ ส่วนตัว มีความรู้สึกว่า Nampo มีอะไรให้ดูเยอะกว่า Seomyeon มากกกกกก 

ร้านเสื้อผ้าน่ารักๆ ไม่แพงก็มีเยอะอยู่ นี่ก็โดนไปอี๊ก


หลังจากเดินสุ่มมั่วไปเรื่อยๆ..​ เราก็เจอทางไปตลาดปลา Jagalchi เฉย 55555 ตอนนั้นใกล้เที่ยงแล้ว เลยป่ะ กินค่ะ!
ร้าน OASE จะตั้งอยู่ตรงตึกที่อยู่ท่ามกลางตลาดปลานี่เลย กดลิฟท์ขึ้นไปชั้น 5 โลด
ใครไปกินสองคนขึ้นไป เชอแนะนำให้โทรจองก่อนนะคะ เพราะไปถึงนี่เราต้องแจ้งชื่อเค้าเลย แต่อิเชอไม่จองนะ (เอ๋าาาา) 5555555 ก็มันไปคนเดียวอะ ขี้เกียจจอง ยังไงมันก็ต้องมีที่อยู่ละ ละสรุปก็โดนรอประมาณ 2 นาที ..​ เท่านั้น และก็เข้า 555555
สำหรับมื้อกลางวันนั้น หัวละ 19,800 W ค่ะ


ไปดูมุมอาหารกันหน่อย โซนนี้จะเป็นสลัดบาร์ค่ะ 


และมุมนี้ มุมที่เราคาดหวังกับซาชิมิ




ปลาอะไรบ้างก็ไม่รู้ ถถถ





ชอบไอนี่ เคี้ยวละกรึบๆดี




โซนก๋วยเตี๋ยวค่ะ




หมอร้อน มีอาหารจีนด้วยนะ







อันนี้จับแชค่ะ วุ้นเส้นเกาหลีผัดผัก เห็ด หมู



จานแรก เราต้องโดนซาชิมิสิ



ในส่วนของรสชาติ:
ซูชิเราว่ามันก็เฉยๆอ่ะ มันคนละสไตล์กับญี่ปุ่น ส่วนซาชิมิ มันก็ถือว่าโอเคนะ แต่ก็ไม่ถึงกับฟินมากเว่อร์ ที่ชอบคือ เอาใบงา ห่อกับปลาละโปะซอสโกจูจังขึ้นไป อร่อยขึ้นเป็นกองเลยล่ะะะะ 


ส่วนจานนี้ ปะปนมาก 5555 มีทั้งสลัด พิซซา เกี๊ยว ถถถ 
อยากบอกว่าสลัดฟังทองอร่อยมากๆๆๆ มันเอาบลูเบอร์รี่ครีมนมสดมาโปะข้างบน ฟินนน

บรรยากาศที่ร้านโดยรอบ.. 


โดยรวมก็ถือว่าโอเคนะ ไม่ได้แย่ พอกินเสร็จ เดินออกจากซอยตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอตลาด BIFF SQUARE อยู่ตรงข้ามเลยจ้า  


เจอจุงกิอปป้า ถ่ายซะโหน่ยย ฮิฮิ



และนี่ก็คือตลาดตรง BIFF Square นะคะ คนแออัดเลยทีเดียว ของกินเพียบ มีทั้งของทอด แป้งเกี๊ยวต่างๆ ปลาหมึกตากแห้งก็มี




มีรอยพิมพ์มือเหล่าดาราด้วย ดูไม่ออกว่าใครเป็นใครเลยเธอ 5555




เดินไปเรื่อยๆ เจอตลาด Gukje ด้วย



มันให้อารมณ์ย่านเก่าแก่หน่อยอะ ของตากแห้ง ของกินเพียบ 


ย่านนี้จะดูเต็มไปด้วยผู้สูงอายุซะส่วนใหญ่
.
.
พอเดินออกมา วนไปเรื่อยๆ เจอทางที่จะขึ้นไป ปูซานทาวเวอร์ด้วย! 


คืออย่างที่บอก Map ไม่ต้องหรอก เดินๆไปวนไปวนมาเดี๋ยวก็เจอ 5555555 
ทางขึ้นจะมีบันไดเลื่อนด้วยค่ะ แต่ถ้าใครอยาก Burn ก็เดินขึ้นบันไดโลด!


บริเวณด้านบนเชอไม่ได้ขึ้นไปนะคะ ไปถ่ายรูปก็พอละ 5555555 
มันไม่น่าจะต่างกับ Seoul Tower มาก 
ถัดจาก Busan Tower มันสามารถทะลุไป Yongdusan Park ได้ ซึ่งเป็นสวนร่มรื่นให้เดินเล่นถ่ายรูปได้ บรรยากาศชิลๆ



นั่งพักสูดอากาศแพร๊พพพพ...​   เมื๊อยเมื่อย



บรรยากาศสบายๆ เห็นเมืองปูซาน



เซลฟี่ซะโหน่ยยยย...



หลังจากนั่งพักถ่ายรูปจนสบายใจ ก็เตรียมตัวจะกลับโซล..
แต่ทว่า ระหว่างทางจะเดินไป subway..
.
.
ทำไมเห็นคนถือขนมแป้งกลมๆใส่ถ้วยเยอะจัง จะลองกินดีมั้ยวะ.. 
ก็ยังไม่หิวนะ แอบอิ่มยุเลอ..
.
.
"เอาวะ มาทั้งที ต้องลองกิน!" 
555555555555555555
มาโดนที่ร้านขนม "โฮต๊อก" ที่เราเดินผ่านตอนแรกๆ 


ตอนเราซื้อ คุณลุงเค้าก็จะถามว่าใส่ไอนี่มั้ย (ชี้ไปที่ถัง เหมือนเมล็ดอะไรสะอย่าง..)
อินี่ก็ พยักหน้างึกๆ โดยที่ไม่รู้มันคืออะไร.. 
.
.
.
พอลองกินคำแรก
"อร่อย HEREEEEEEEEEEEEEEEEEEEEE!!!"


โอ้ยยยย นี่พิมพ์ไปยังนึกถึงรสชาติ นึกถึงกลิ่นออกเลยอ่ะ มันดจีงามมากๆ
แป้งทอดร้อนๆ ไส้เมล็ดทานตะวันไม่ก็ถั่วนี่แหละ และมีน้ำผึ้งหวานๆหนึบๆยุข้างใน
คือหอมกรุบกรับหวานมัน ดจีย์มว๊ากกกกกก 
ถ้ามันมีให้ซื้อเป็นสำเร็จรูปกลับบ้านได้คงซื้ออ่ะ ดีจริงๆ 
ชิ้นละ 1,200 W
ไปตำค่ะ อยู่ตรงแถวๆ BIFF Square น่ะแหละ
.
.
ระหว่างทางกลับไปสถานีปูซาน ก็ยังนึกถึงรสชาติของขนมโฮต๊อกไม่หาย.. มันอร่อยติดลิ้นมาก..
จนกระทั่งเห็น billboard 

"นั่นมันขนมที่กรูกินนี่!!"
เป็นแบบ recommended menu เลย แล้วสัญชาตญาณก็สั่งให้มองซ้ายมองขวา จนเจอร้านค้าเตะตาอยู่ร้านนึงตรงหน้าทางเข้า เลยเดินไปดู.. 
กรี๊ดดดด นี่มันร้านขายโฮต๊อก 555555555555 ซื้ออีกชิ้นสิคะ จะเหลือหรอ 



ขออภัย ไม่ได้ถ่ายรูปมา ของเยอะมาก เลยเดินไปกินไปจนหมดแจร้

ร้านหน้าสถานีปูซานชิ้นจะใหญ่กว่า หนากว่า และที่สำคัญ..​ "ใช้เนยทอด" อ้อหอวววววววววววว
ความมัน ความอ้วน ความฟิน คือมันให้รสชาติเค็มๆ จากเนยที่แป้ง คือดีไปอีกแบบ
อันนี้ชิ้นละ 1,500 W นะจ้ะ ควรลองๆ
และแล้วก็ถึงเวลาตีตั๋วกลับ


แนะนำนะคะ สำหรับการจองตั๋วกลับ**

เวลาเจ้าหน้าที่เค้าบอกมาว่า มันเหลือ Standing อย่างเดียว ไม่งั้นต้องรอรอบถัดไป อย่าเพิ่งเออ ออนะ คือสถานการณ์ที่เชอเจออ่ะ ไม่รู้จนทเค้ามึนหรืออะไร ตอนนั้นเวลา ไม่ถึงห้าโมง แต่เค้าบอกเราว่า มีแต่ยืนนะ นั่งต้องรอรอบ 6 โมงเลย เราเลยแบบ เอ่า.. ก็ถามเค้าย้ำแบบ จริงๆ ไม่มีเลยหรอ? ไปๆมาๆ เราก็ได้ที่นั่งที่สุดท้ายของรอบเร็วสุด คือประมาณเกือบ 5 โมง มันก็จะมีความงงๆหน่อยๆ..


หลังจากนั้นก็ได้ไปแวะ Lotte Mart ที่ Seoul Station ด้วย
ใครที่จะแวะมา แนะนำเตรียมถุงผ้ามาเองนะคะ จะได้ไม่ต้องเสียค่าถุง 
.
.
กว่าจะถึงห้องพักไปเก็บของก็สามทุ่มเข้าไปละ เลยแวะไปหาไรกินแถวบ้าน
ร้านนี้ชื่อ Tomato 
เมนูที่สั่งคือแบบง่ายๆ กิมจิจิเก 


แต่ในความงงของจุมม่า... นางเอาข้าวปั้นมาเสริฟตามหลัง 
ไอเราก็คิดว่ามันมีในเซ็ตด้วย สรุปนางเสริฟผิด .... 
และชั้นก็ต้องจ่าย เต็มราคา เพราะกินไปแล้ว == 
รสชาติร้านนี้ไม่อร่อยเลยอะบอกตรง อาจุมม่าก็ดูไม่เฟรนลี่เท่าไหร่... 
ทั้งหมด 7,000 W จ้า 
.
.
ในวันต่อไป เรามีแพลนตอนแรกว่าจะอยู่ในเมือง แต่อย่างที่บอก แพลนทุกอย่างสลับไปหมด เลยเป็นว่า.. พรุ่งนี้ชั้นต้องลุยไป "เกาะนามิ" อี๊กกกก ลุยแค่ไหน๊บอกม๊าาาาาาา. TT~



7th DAY IN SEOUL ALONE : NAMI ISLAND>KONKUK UNIV> CARNABY ST 


มาค่ะ วันนี้ ตื่นมาด้วยความล้า แต่ยังไหว เตรียมบุกไปเกาะนามิ But first, let me have a bagel.
บุกไปอีฮวาอีกรอบ เพื่อจะกิน Queen's Bagel รสอื่น.... 
พอไปถึง.. ร้านแม้งปิดอีกแล้วววว!!!!! T T หยุดยาวทั้งอาทิตย์เลย อะไรกัน นกแล้วนกอีก
ด้วยความที่ต้องการกินอาหารสไตล์ Breakfast เลยไปจบที่ ISAAC ดังเดิม


เมนูที่สั่ง เป็น muffin อะไรสะอย่าง..
ซึ่งรสชาติก็นะ สไตล์เดิม ไม่ถูกปากอยู่ดี (แล้วจะแหล็กทำไม.. 55555555)
หลังจากกินอิ่มก็มุ่งหน้าสู่เกาะนามิเจ้าค่ะ
เราจะต้องขึ้นรถไฟไปลงสถานี Gapyeong และต่อแท็กซี่หรือบัสไปท่าเรือที่จะข้ามฟากไปเกาะนามิ 

เชอนั่งยาวจาก Ewha ไปเปลี่ยนสายที่ Wangsimni และยิงยาวไปลง Mangu เลย ละค่อยเปลี่ยนสายไปลง Gapyeong



จริงๆ ก็มีสงสัยนะ.. ทำไมอ่านจากหลายๆรีวิว เค้าแนะนำให้ลง Cheongnyangni แต่ตอนนั้นก็ไม่แคร์ ไปได้เหมือนกัน 5555555 


พอถึงสถานี Gapyeong เท่านั้นแหละ ความงงกลหลก็มาเยือน..
จากที่หาข้อมูลมา เค้าบอกกันแค่ว่า "โบกแท็กซี่ไปไม่ไกล ไม่ก็บัส" 
.
.
เหตุการณ์ต่อจากนี้ อยากให้ลองนึกภาพตามนะคะ 

เดินออกจากสถานีปุ้ป เดินตรงมาริมถนนใหญ่ มีบัสจอดอยู่หลายคัน คนยั้วเยี้ยเยอะไปหมด อินี่ก็เดินมองหาบัส คันไหนแม้งไปท่าเรือว้าๆ จนถามคนแถวนั้น " nami seom..." (ซอมแปลว่าเกาะ) เค้าก็ชี้ๆ เหมือนให้ไปขึ้นฝั่งตรงข้าม อ่ะ ไอเรากับคนจีนที่แอบฟังเก็บข้อมูลอยู่ข้างๆ ก็เดินข้ามถนนไปด้วยกัน

ทีนี้มีป้ายรถบัสอีกหลายป้าย อินี่ก็คิดในใจ..​แม้มคันไหนอีกวะเนี่ย จนถามคนขับรถบัสคนนึง " nami seom.. ออดี้..." นางก็ชี้ๆไปทางซ้าย และรัวเกาหลีมา...  #)$*$(WUSWTD:S 

ในใจนี่.. เอ่อ คือกรูต้องยังไงวะ? กรูต้องไปตามเค้า หรือกูนั่งรอตรงป้ายฝั่งซ้ายมือนี้วะ..

สุดท้ายก็เลยนั่งรอตรงป้ายรถเมล์ใกล้ๆ.. นั่งไป 2 นาที blank กรูจะเอายังไงดี.. ไม่มีวี่แววรถ เลยถามผู้ญที่นั่งข้างๆเป็น Eng ว่าไอป้ายเนี้ยะ ไปเกาะนามิป่าว นางก็ดูไม่รู้เรื่อง แต่พยายามหาข้อมูลในมือถือ อ่านป้ายให้ ว่ามันไปมั้ย จนจู่ๆ ..

รถบัสที่นางต้องขึ้นมาเว้ย..
และนี่ก็กลายเป็นฉากในหนัง..​ เมื่อออนนี ต้องพรัดพรากกับทงแซง.. 
คือนางลุกขึ้น ตาก็มองหน้าอินี่ มือก็ยังกดมือถือค้างข้อมูลที่อยากช่วยหา.. แต่นางก็ต้องจากไปโดยที่ยังช่วยชั้นไมได้.. เรามองกันจนนางจากขึ้นรถบัสไป..​เหลือแต่ชั้นที่ยังคงว่างเปล่าอยู่ที่ป้ายรถบัสที่เดิมที่นั้น..

ณ จุดจุดนั้น ไร้ซึ่งวี่แววรถ แท็กซี่ก็ไม่มี รถติดอีกต่างหาก เลยเอาวะ เดินตามคนเค้าไปละกัน ไปไหนกรูไปด้วย..

และดิชั้นก็​"เดิน" ตามป้ายไปเรื่อยๆ คนเลี้ยวขวา นี่ก็เลี้ยวขวา คนข้ามถนน นี่ก็ข้าม 
และก็ได้เหลือบเห็นป้าย เหมือนจะเป็นทางไปเกาะนามิ.. เลยแบบ "เห๊ย" กรูมาถูกทางแล้ว... เดินต่อไปค่ะ
เมื่อข้ามถนนไป ก็เดินตรงไปเรื่อยๆ ตามทาง ตามคนไปเรื่อยๆ จนเจอ Guesthouse ที่ขายกาแฟหลังหนึ่ง จำไม่ได้ว่าชื่อร้านอะไร แต่น่าจะอะไร mama นี่แหละ เลยแวะซื้อกาแฟและถามทางซะหน่อย
อินี่: "ชอกีโย.. นามิซอม ออดี้อิซซอโย้?" ภาษาเกาหลีแบบโง่ๆผิดแกรมม่า ลืมใส่ เอ เอซอหมดอ่ะตอนพูด 55555555  
จุมม่าคนขายน้ำ: *ชี้ให้ตรงไป* และพูดว่า "เซบึนๆๆ" 
ในใจตอนนั้น.. "เซเว่น?..​เซเว่นอัลไลวะ? เซเว่นกม.หรอ? หรือยังไง?" 
และก็จากมา พร้อมความสงสัยในหัว และยังคงเดินต่อไป
เดินไปเรื่อยๆ..​ เดินไปเรื่อยๆ.. 

เรื่อยๆ..

เรื่อยๆ..

อากาศก็ร้อน

เดินต่อไปเรื่อยๆ..

โปรดดูภาพวีดีโอปลากรอบ*
*ประกอบไปด้วยคำไม่สุภาพ เนื่องจากพูดกับตัวเอง บ่นในความโง่ตัวเอง5555555*


คือมันเดินจนแบบ ไม่รู้ว่าจุดจบอยู่ที่ไหนอ่ะ จนเจอคุณลุงเข็นรถเด็กมา เลยถาม
อินี่: "ชอกีโย นามิซอมออดี้อิสซอโย้?" 
อาจอชี: นางก็รัวเกามา และชี้ไปสุดแขน พร้อมสื่อเสียงแบบ ไปสุดนู้นนนนะ ในเวอชั่นเกา
อินี่: walk walk walk right? 
อาจอชี: เน เน เน พร้อมยิ้มให้อย่างจริงใจ ... (และอาจแอบคิดในใจ มึงเดินขาลากแน่..) 5555555
เอาวะ เดินต่อไป จนแบบ ตีนนี่ระบมไปหมด..​และในที่สุด ก็ถึงว้อยยยยยย
รวมๆแม่ง 4 กิโลกว่ามั้งเนี่ย == 

มุ่งหน้าไปซื้อบัตรข้ามฟาก นี่แบบ เดินตาลายจนเห็นคำว่า Ferry เป็น Free อ่ะ เบ๊อะบ๊ะไปถามจนท.ว่านี่ไปฟรีหรอ อีก == โคตรควัย 5555555 
เออละจะบอกว่า เราเป็นนักท่องเที่ยว โชว์ passport ก็จะได้เรทที่ถูกกว่าคนเกานะ ถ้าจำไม่ผิด
ตอนขาเข้า นางคนที่เช็คบัตรก็จะถามด้วย ว่ามาจากประเทศไร? เราก็บอกไทยแลนด์ นางก็เวลคั่ม~
.
.
ขึ้นเรือมาแล้วจย้าาา ไฟนอลลี๊~~~



พอขึ้นมาละเหมือนอยู่อีกโลก คือฟีลลิ่ง เวรี่กู๊ดดดด 




สายลมที่พัดพามา วิวธรรมชาติ อากาศสดชื่น.. ทุกอย่างมันดีจริงๆ



เดินจนหน้ามันหัวฟู 555




พอลงมา..​ ก็จะเห็นธงแต่ละประเทศต้อนรับ เรารู้สึกภูมิใจมาก เห็นธงชาติไทย :) รีบถ่ายโดยทันที



และในที่สุด เราก็มาถึงเกาะนามิ !! 


เข้ามาแว้ววววว~





ทีนี้ มาเรื่องที่คนถามบ้าง.
"ไปคนเดียว ละงี้ใครถ่ายรูปให้อ่ะ?"

"ไทรไง.."

"ไทรไหน?"

"ไทร-พ็อด"

จบ.


Camera: Sony A5100 + App: remote control + Tripod
คิดอยากไปเที่ยวคนเดียว อุปกรณ์ต้องพร้อมนะจ้ะ  อิเชอใช้กล้องโซนี่ มันมีแอพ remote ให้กดถ่ายผ่านมือถือได้ เลยสบายๆ ตั้งกล้องไว้ จิ้มถ่ายทางมือถือสวยๆ ถถถถถถ ตัวคนเดียว แบกขาตั้งกล้องไปทุกที่ มันก็หนักๆ หน่อย 


ผู้คนเยอะมาก มีสวนเล็กๆ ให้เด็กเล่นด้วย
.
.
พอเดินไปเรื่อยๆ ก็ไปถึงริมเกาะ 


บรรยากาศดีมากจริมๆ..



.
.
เจอมุมไหนน่าถ่าย ก็แวะหน่อย


ถามว่าอายไม๊? กับการต้องจิกกล้องถ่ายเบอร์นี้..

ก็นิดนึงอะนะ 555555555 แต่คนมันต้องการรูปอ่ะ ชั้นต้องมี Fashion set @ Nami Island เพราะฉะนั้น อย่าไปแคร์!! :P


Peace outttt.
ต่อไปกับแฟชั่นเซ็ตยาวๆ ใครรำ ข้ามได้ 555555555
.
.

 ในเกาะนามิ หลายมุมที่ให้ถ่ายรูปจริงๆ


หวังว่าไปเกาหลีรอบหน้า .. ต้องมีคนไปด้วยแล้วนะ :) (บอกตัวเอง) 5555555555 


จากคนใช้ชีวิตอยู่กับงาน ตาติดจอทุกวัน ได้ปลดปล่อยตัวเอง แล้วมาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่พระเจ้าสร้างแบบนี้.. มันดีจริงๆ :)
.
.

ลมพัดมาได้จังหวะมากมาย


แคมเปญนี้ ชั้นชนะค่ะ.. เพราะมีอยู่คนเดียว 55555555


พอเดินไปเรื่อยๆ มันก็จะวนกลับมาตรงทางเข้าตอนแรก




มีนกกระจอกเทศดั้ว


เจอตุ๊กตาหน้าตาเหมือนสโนว์แมนเชื้อชาติไทย ต้องเก็บภาพด้วยหน่อย

และพอขึ้นเรือกำลังกลับฝั่ง ไม่ถึง 2 นาที.. 
ก็นึกได้ว่า
.
.
.

"กรูยังไม่เจอรูปปั้น Winter love song.." (song song song) 
กึกก้องในหัวพร้อมความชาในสมอง..

อีฟัยเอ้ยยยย T T 
ฟีลตอนนั้นคือบับ..


หน้าตายในความรู้สึกไปเรียบร้อย 555555 เหมือนมาไม่ถึงเกาะนามิจริงๆ ==
เลยมีปณิธานในตัวเองว่า.. รอบหน้า ชั้นต้องมาเกาะนามิใหม่ ต้องได้ดูรูปปั้น พร้อมแฟน! 55555555
.
.
หลังจากถึงฝั่ง เราก็ไปขึ้นรถบัสที่อยู่ใกล้ๆ เดินตามทางออกมาเรื่อยๆ จะเจอค่ะ 
ให้สังเกตป้ายว่าไป Gapyeong station มันจะเป็นป้ายวางบนพื้นนะ

เมื่อถึง อินี่ก็จรรีขึ้นบันไดเลื่อน.. เตรียมเดินทางกลับ ซึ่งระหว่างทางในสถานี ก็เห็นคนต่อคิวซื้อตั๋ว แต่ในใจก็คิดว่า เอ้อ เรามี T-money มันดีตรงนี้ มะต้องต่อคิว เดินไปอย่าง Win .. 



เมื่อรถไฟมาถึง ก็โดดขึ้นไป..

ว่าแต่..
ทำไมมันหน้าตาแปลกๆ มีทั้งโซนนั่งและโซนยืน แต่ละล็อกไม่เหมือนกัน..
นี่ก็ยืนมองพนง.ฉีกตั๋วในอีกโบกี้อยู่นาน.. จนตัดสินใจเดินไปถามว่านี่ไปสถานี Sangcheon มั้ย.. แค่จะเช็คว่ามันไปถูกฝั่งนะ ไม่ใช่จะพาไปอีกปลายทางนึง 
(ในใจก็แบบ Sangcheon นี่สถานีเดียวเองนะ จาก Gapyeong ทำไมใช้เวลานานจัง..) 

ละนางก็ตอบมาแบบเป็นเกา ประมาณว่าไม่ลงที่นี่นะ จะไปลง xxx เลย คือจับใจความมะได้ว่าไปไหน นี่ก็แบบงงๆ เห็นนางยุ่งๆ เช็คตั๋วผู้โดยสาร นี่ก็เดินกลับมาโบกี้เดิม.. 
.
.
สถานการณ์ตอนนั้น เริ่มเครียดละ รู้สึกแม่งไกลมากกกก นั่งนานมาก กรูจะไปไหนวะเนี่ยยยย..
จนตัดสินใจ ถามวัยรุ่นในโบกี้เดวกัน ว่าแบบ "ยู รู้มั้ย นี่ไปลงสถานีไหน?" พวกนางก็แบบ ชุลมุนดูตั๋วในมือตัวเอง ทั้งเปิดแอพ สารพัด ละนางหนึ่งก็ถามนี่ว่า "ยูมีตั๋วมั้ย? .."

อินี่แบบ..

หะ... 

มันต้องซื้อตั๋วหรอวะ...

กรูไม่มี กรูมีแต่ T-money 
เลยตอบไปว่า "ไอใช้ทีมันนี่นะ"

และภาพ Flashback เหตุการณ์ตอนเดินอย่าง Win ผ่านคนต่อคิวกดซื้อตั๋วที่สถานี Gapyeong ก็แว้บมา..

อ่อ.. เค้าซื้อตั๋วรถไฟ ITX กันหรอกหรอ...  

5555555555555555555 อิฟัยเอ้ยยยยย 

/*แว้บบบ*/ กลับมาสถานการณ์บนรถไฟต่อ

และแล้ว จนท.คนเช็คตั๋วก็เดินเข้ามาโบกี้อินี่ วัยรุ่นก็รีบบอกจนท.ให้ ว่าอินี่มันไม่ได้ซื้อตั๋วนะ 
อินี่ก็แบบ บอกว่า ชั้นคิดว่าใช้ทีมันนี่... 
นางก็ตีตั๋วให้จ่าย ณ เด่วนั้นเลย ประมาณ 6,000 W+ มั้ง == ไม่แน่ใจ
ก็ไม่รู้นะว่านี่เป็นราคาปกติหรือค่าปรับ 555555555 

ถือเป็นบทเรียนค่ะ
แต่เอาจริงๆนะ ทุกวันนี้ก็ยังสงสัย..​แล้วขาไปทำไมกูไม่โดนให้ซื้อบัตร itx วะ? หรือขาไปมันถูกแล้วที่ใช้แบบ T-money 55555555 วานผู้รู้บอกทีนะคะ

อ่ะ สุดท้ายมันก็ไปลง Cheongnyangni แหละ 

หลังจากนั้นเราก็แวะไปย่าน Konkuk univ. เพราะอยากแวะไปดู Common ground ย่านขายของชิคๆสุดฮิตของวัยรุ่น
ก่อนจะไปเดิน ขอแวะเติมพลังก่อน. หิวระเกิน อยากกินซุปร้อนๆ กับข้าว 
เดินไปรอบใหญ่ ลัดเลาะแต่ละซอย แต่พบว่ามีแต่อาหารจีนซะส่วนใหญ่ เลยเดินวนออกมา จนเห็นร้านนึงอยู่ใกล้ๆ Common ground เลยแวะกิน 

เราอยากกินอะไรที่มีเนื้อสัตว์ แบบ หมูๆหน่อย เจ้าของร้านก็แนะนำอันนี้มา


หน้าตา อาจจะดูน่ากิน.. (รึเปล่า)
แต่รสชาติ...

"เอาความขมขื่น ไปทิ้งแม่โขง...." 

คือแบบ มันคือซุปจืด (จืดพีค) ที่เต็มไปด้วยหมูชิ้นแห้งๆ เนื้อแห้งแน่นๆ 
กินกับกิมจิก็ยังไม่อร่อย ปรุงรสซุปแล้วก็ไม่อร่อย..​ กล้ำกลืนกินแก้หิวไปอ่ะ คือนอยด์ ==

พอเลี้ยงปากท้องได้ละก็ไปแวะ Common ground


เราชอบการตกแต่งมาก ยิ่งตอนดึก ยิ่งมีสีสัน



สำหรับ Street market ตรงนี้ เรามองว่ามันเหมาะกับคนชอบของติสท์ๆ ที่สู้ราคาหน่อย



คือบางอย่างมันเหมือนกับตลาดข้างนอกเลยอะ แต่แพงกว่าเท่าตัว
ส่วนชั้นบนก็จะเป็น bar & restaurant มีร้านของหวานนิดหน่อย ราคาก็น่าประมาณนึงเลยล่ะ


ส่วนตรง ground ด้านใน มีตลาดขายของกินและดริ้งค์ด้วย แต่อินี่ไม่ได้แวะซื้อ ยังอิ่ม(แบบไม่อร่อย) กับอิข้าวหมูนั่น ..

หลังจากมิชชั่น คอมมอนกราวด์ คอมพลีท ก็ถึงเวลา ติ่ง Time 55555555 เราจะแวะไปที่ CARNABY ST. ร้านกาแฟเพื่อนของอปป้าอุคจ๋าของเรา 55555555555 งานติ่งก็มา คือเคยดูจากสัมภาษณ์ของอุค เวลาอปป้าว่าง อปป้าจะมาร้านกาแฟเพื่อนนั่งชิว (แต่นี่ก็รู้ล่ะว่าอปไม่ว่างหรอก ติดถ่ายละครทุกวัน) แต่ก็อยากจะแวะมาเนอะ ไม่งั้นไม่คอมพลีท 555555 

Ref: Ji Chang Wook x Carnaby St.





ส่วนใครไม่รู้ว่า อุค (จีชางอุค) คือใคร แนะนำให้ไปดูซีรี่ย์ Suspicious partner ที่กำลังออนแอร์ ณ ตอนนี้นะคะ แล้วจะรักเค้ามากขึ้น 55555555555 งานขายอปป้าก็มา

ซีรี่ย์ดีๆ ที่อุคเล่นมีเยอะมาก ควรไปหาดูค่ะ ทั้ง The K2 เล่นกะ YoonA Snsd (เป็นเรื่องที่ทำให้ฉันตกหลุมรักเขา TT) , Empress Ki เรื่องนี้เป็นหนัง period ที่กำลังฉายทางช่อง 13 family จ-ศ 19.15 น. อีกด้วย 555555555555 บอกเลยว่ามันเป็นหนัง period ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับเรา (ชีวิตดูหนังพีเรียดยุไม่กี่เรื่องหรอก.. 5555555555555) คือเอาจริง ไม่ใช่เพราะแค่อุคนะ แต่เนื้อเรื่อง มันดีมากอะ มันดีที่สุดอะ สนุกมากจริงๆ ดูอีกก็ไม่เบื่อ (ปกติไม่ชอบหนัง period นะ แต่เรื่องนี้ยอม),  Healer หล่อเท่ห์ระเบิด เอาเป็นว่า ลองไปดูนะคะ

Carnaby ST. ตั้งอยู่ที่สถานี Tteokseom เดินลงทางออก 1 
เดินเลียบผ่านร้านกาแฟ Twosome ตรงไปเรื่อยๆ จะเจอร้านมอไซ Motoguzzi ละก็จะเจอ Carnaby St เลย
ซึ่งตามปกติ 
วันจันทร์-ศุกร์ ร้านจะปิดดึกมาก ไม่ 5 ทุ่มก็ตี 1 นี่แหละ 
วันเสาร์-ทิตย์ ร้านจะปิด 2 ทุ่ม
แต่วันนั้น วันศุกร์... เวลา 2 ทุ่มตอนไปถึง

และนี่ คือสิ่งที่เจอ



ปิ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!~~~~
ม่อยยยยยยยยยยยย 

นี่แบบเฟลยิ่งกว่าเฟล ฮรื้ออออ ทำมอยยยยยยจะต้องนกซ้ำซ้อนอะไรแบบนี้ 
ตอนไปปูซาน ก็ดันโป๊ะวันเดียวกับที่มีงาน Baeksung ในโซลอีก T T เพิ่งรู้ว่าอุคได้ไปร่วมงานนั้น ฮือ.. (นี่มันพญานกชัดๆ)
ทำได้เพียงแค่มองและเดินจากไป.. 
ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ ต้องมาใหม่ 5555555555 เราต้องอุดหนุนเพื่อนอปป้าค่ะ 

หลังจากนกละต้องไปหาไรกินย้อมใจหน่อย เลยแวะไปร้านที่อยู่ใน A must นั่นก็คือ "Yogerpresso" ย่านฮงแด ออกสถานี Hongik exit3 ยิงยาวขึ้นมาเรื่อยๆ จะเจอเลย ร้านอยู่ซ้ายมือ



ตอนนั้นไปถึง ก็เกือบสี่ทุ่มละ ซาจังนิมก็บอกว่าต้อง take out นะ ร้านปิดสี่ทุ่ม นี่ก็โอเคๆ 
เมนูที่ตั้งใจไปกินคือ Merry Strawberry มันเป็นโยเกิร์ตสตรอเบอร์รี่สด และมีสตรอเบอร์รี่ปั่นด้านล่าง ซึ่งเคยเห็นในรีวิวว่าแก้วนี้ดีงาม..


 และรสชาติก็..
"ฟิน hereeeeeeeeeeeeeeeeeeeeeeeeeeeeeeee~~~~~~~~" T_____________________________T<3
คือมันอร่อยมว๊ากกกกกกก อร่อยลงตัว อร่อยทุกอย่าง กินยันหยุดสุดท้าย ฮรื๊ออออออออออ
จำได้เลยว่า ตอนนั้น คำแรกที่กินถึงกับอุทานในใจว่า "อื้อหืออ" 
สตรอเบอร์รี่คือสด หวานเปรี้ยวกำลังดีมาก โยเกิร์ตมันเหมือนไอติมโยเกิร์ตอะ ไม่เหลวๆแบบทั่วไป หอมมากกกกก หอมละมุน คือดีมากกกก ดีจนไม่รู้จะพูดไง ปกตินี่ไม่อินสตรอเบอร์รี่นะ แต่นี่คือ 10/10 
ราคา 6500₩ ถือว่าดีงามสมรสชาติจีจี

จบวันที่ 7 ..​ นี่เราอยู่เกามา 7 วันแล้ว ม่อยยยยยยย หยุดเวลาได้ม้อยยยยย T T

8th DAY IN SEOUL ALONE : MYEONGDONG> DONGDAEMUN > SAMCHEONGDONG > CARNABY ST > CHIMAEK!


วันนี้ ขอใช้ชีวิตในเมืองบ้าง ถือว่าเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เที่ยวเต็มๆ เพราะอีกวันก็คงไม่มีเวลาทำไรละ เตรียมไปสนบ.อย่างเดียว

เริ่มแรก บุกไปกิน James Cheese Ribs ที่สาขามยองดง จากทริปเกาที่ผ่านๆ มา เคยกินแต่ร้าน ribs อีกเจ้าที่ฮงแด อร่อยเหมือนกัน แต่ไม่เคยได้สัมผัสเจมส์สักที ครั้งนี้เลยจัดสมพรปาก


เตาสำหรับคนเดียวจ้า



 มาแล้ววววว น่ากินมว้ากกกกกกกกกก~~~





เนื่องจากเราไปคนเดียว เลยสั่งสำหรับที่เดียววไม่ได้ ต้อง2ที่ ตามกฎร้านอาหารเกา นี่เลือกแบบเผ็ดน้อยสุด และเลือกเป็นแบบชีสชนิดเดียว ตอนระหว่างย่างชีสก็จะมีพนง.มาบริการ ไกด์วิธีการห่อซี่โครงหมูกับชีสให้ 

โปรดชมคลิปประกอบใน IG เพื่ออรรถรส: https://www.instagram.com/p/BTvwDYKD7H-/?taken-by=cherriiecherry
มื้อเช้า+กลางวัน ณ James cheese back ribs สาขามยองดง ไปคนเดว สั่งที่เดวไม่ได้ ต้อง2ที่ ตามกฎร้านอาหารเกา เลยโดนไป28,000 ₩ เลือกระดับเผ็ดน้อยที่สุด รสหวานเผ็ดเข้ากัน ห่อกับมอสเซอเรลลาชีสล้วน ร้อนๆยืดๆ พันหมูแล้วหยิบกินเลย ราคาและแคลหนักหน่วง แต่อร่อยมาก อร่อยจริง ฟินสุด😍 Ps* หมูไม่เยอะเลยเอาจริง ตอนแรกคิดว่าสองที่ต้องไม่หมดแน่ๆ สรุป.. ฟาดเรียบจ้า 😂😂😂 เหลือชีสกะข้าวโพดหยุมหยิม ดีหมด ยกเว้นราคา แพงไปนิส #อร่อยไปแดก #cherriiecherryxseoulalone #cherriiecherryeatingreview
A post shared by cherriiecherry 체리체리 (@cherriiecherry) on



ในส่วนของรสชาติ... ฟินมากกก T T คืออร่อยมาก ซอสที่หมักซี่โครงหมูคือหวานเผ็ดเข้ากัน ห่อกับชีสร้อนๆยืดๆ ฟินจริง และแคลหนักหน่วงจริง 55555555 

ตอนแรกคิดว่า หมูเยอะ อาจจะต้องห่อกลับบ้าน แต่สรุปหมูไม่เยอะเลย.. ฟาดเรียบจ้าคนเดียว เหลือแต่ชีสหยุมหยิมหน่อยๆ 
มื้อนี้ โดนไป 28,000 ₩ เป็นราคาบังคับสำหรับสองที่ แพงหน่อยแต่อร่อยจริง ยอม

หลังจากนั้นก็เดินย่อย.. (ประมาณ 5 นาที) 55555555555555 แล้วไปซื้อ Milky bee ไอติมที่อยู่ใน A Must list แบบทั้งที่ยังอิ่ม.. จำใจต้องซื้อกิน เพราะเดี๋ยวเราต้องไปช้อปต่อที่ทงแดมุน..



เมนูที่เราตั้งใจจะสั่งก็คือตัว Honey comb นี่แหละ



รสชาติ.. ขนาดกินตอนอิ่มยังรู้ว่าอร่อย.. ไม่ถึงกับฟินสุดเพราะยังอิ่มอยู่มาก 555555555 แต่โดยรวมถือว่าอร่อยเลยล่ะ ซอฟเสริฟคือหอมหวานนม นุ่มละมุน เจอกับรสหวานของน้ำผึ้งเข้าไปอี๊ก โอ้ยพิมพ์ไปนึกรสชาติตามไป น้ำลายสอ 5555555555 ตอนท้ายๆ เรากินน้ำผึ้งไม่ไหวอีกละ เพราะมันหวานจริงๆ กินเยอะๆแอบเลี่ยน แต่ถ้าไปครั้งหน้าก็จะซื้อกินอีก




ถ้าเทียบระหว่างอันนี้กับ Softree เราจำไม่ได้จริงๆว่าอันไหนอร่อยกว่า อร่อยทั้งคู่เลยอะจริงๆ 

แก้วนี้ 4,800 W
หลังจากอิ่มหนำก็เดินเล่นในมยองดง ชักภาพ #OOTD สักนิด



และบุกทงแดมุนจ้า ไปลงสถานี DDP ทางออก 1

บอกเลยว่าตอนเดินลงมาผ่าน DDP คือลมแรงมว๊ากกกกกกกกกกกกกก
เหม่งกระจายตามภาพ

A post shared by cherriiecherry 체리체리 (@cherriiecherry) on




หัวเหิวนี่ฟูหมด 

หลังจากนั้นอิเชอก็ได้ไปเดินเที่ยวแต่ละห้าง และได้ช้อปกระเป๋ามาใบนึง ที่ห้าง Hello APm
คำแนะนำสำหรับการช้อปย่านนี่นะฮะ



Case ที่เชอเจอคือ ราคาเป๋า 90,000 W และเจ้าของนางก็รัว Eng ใส่ว่าเนี่ย เค้าแบบมี many discount นะ ลดให้เหลือ 70,000 W มั้ง ถ้าจำไม่ผิด อินี่ก็ด้วยความที่พอท่องเลขเกาได้ บวกกะพูดงูๆปลาๆ ได้เลยลองต่อ 

เทคนิคอิเชอ:
1. อย่าเพิ่งรีบสรุปราคาและจ่ายเงิน
เมื่อรู้แล้วว่า ชั้นต้องได้ของชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ให้อย่าเพิ่งด่วนรีบจ่ายเงิน ทำท่าทีว่าจะขอดูชิ้นอื่นไปด้วยก่อน และบอกเค้าว่า ถ้าซื้ออีกจะลดเยอะใช่มั้ย อะไรประมาณนี้
สถานการณ์จริง:  ตอนนั้นพอบอกนางแบบนี้ นางก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แนะนำของสารพัดในร้าน อินี่ก็ยืนเทียบกระเป๋าหน้ากระจกวนไปค่ะ (จริงๆก็แอบดูใบอื่นด้วยแหละ แต่ใจมันชอบใบนี้สุด ดีละ จะได้ไม่เสียแผน555555) นี่ก็ลองถามนางไปเรื่อยอ่ะ "นยู อิสซอโย้?" แปลว่า ใบใหม่มีมั้ย? ก็ไม่รู้ถามผิดถามถูกอะ แต่นางก็เข้าใจว่า รุ่นใหม่อ่ะมีมั้ย นางเลยบอกว่าไอรุ่นที่จะเอาอะใหม่สุดแล้ว.. 



2. ต่อราคาให้เยอะไว้ก่อน

อันนี้จริงๆอิเชอยอมรับว่า ไม่ใจกล้าหน้าด้านพอที่จะต่อแบบครึ่งๆ กลัวโดนด่า 5555555555
สถานการณ์จริง: ตอนนั้นพอตกลงละว่า จะเอาใบนี้ ก็ถามอีกว่าราคายังไง? ลดอีกได้มั้ย นางก็แบบ ทำท่าทีว่าไม่ได้ๆ บอกลดเยอะละ อินี่เลยบอกว่า "โอ-มัน" แปลว่า 50,000 (โอ=5 , มัน= หมื่น) นางก็แบบ "อัน เดวๆ" แปลว่า ไม่ได้ๆ นางก็พิมพ์เครื่องคิดเลขมาอีก 65,000 ชั้นก็แบบ​ "โน.. โอมัน" นางก็ยืนกราน "อันเดวๆ I give u many discount so i'm good" พูดยุนั่นอ่ะ ไอม์กู๊ดๆ เออราคาดีสำหรับเจ้ไง 5555555 นี่ก็ยังต่อ "ยูก-มัน" แปลว่า 60,000 นางก็ 65,000 W ชั้นก็ยืนกราน 60,000 W และตบด้วยสายตาเว้าวอน.. พร้อมพูดว่า "เชบัล.. พรีส.. ยูกมัน..." จนสุดท้าย นางก็ตัดใจ ยอมเว้ย! 55555555555 ละก็พูดว่าเนี่ย ยูพูดเกาหลีเก่งมากเลย และปิดท้ายตอนยื่นกระเป๋าให้ว่า "you win" 555555555555 เอาจริง กรูไม่ได้เก่งเกาเลยห่าน พูดได้แต่คำง่ายๆตามซีรี่ย์นี่แหละ ไม่น่าเชื่อว่าการเรียนเสริมแบบนิดๆหน่อยๆ ท่องเลขพอได้นี่มันมีประโยชน์ในการเอาตัวรอดจริงๆ นะเธอ 



ติ่งเป็นได้ แต่จงเป็นติ่งที่ดีค่ะ ช่วงหลังนี่เห็นคนเอะอะออกมาด่าติ่งกันจัง กรูละเบื่อ อ่ะต่อ.. 



หลังจากช้อปใบนั้นไป เงินวอนที่มีมาทั้งหมด มูลค่าประมาณ 33,000 บาท ก็เกือบหมด เลยไปแลกเพิ่มอีก 5,000 บาทที่ร้านแลกแถวหน้าห้าง แต่ไม่เห็นมันมีสกุลเงินไทยบาทบอกว่าเรทเท่าไหร่ ก็แลกๆไป ด้วยความจำเป็น.. สรุปโดนมันคิดเรท .038 ซึ่งแพงมากๆ แพงชิปหายอิห่านนนนนน ขาดทุนไป 700+ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่จำเป็น แนะนำให้แลกที่ไทยไปให้พอ และควรถามเรทก่อนแลกด้วยนะคะสำหรับใครที่แลกที่เกา. นี่โง่เองไม่ถาม ด้วยความจำเป็นต้องแลก == 


หลังจากนั้น ไหนๆ เวลาเหลือ เลยไปแวะเดินเล่นย่าน Samcheongdong หน่อย ลงสถานี Anguk ทางออก 1 เดินเล่นตามท้องถนนไปเรื่อย แถวนี้ร้านกาแฟ ร้านของเก๋ๆ เยอะดี ละยังสามารถเดินทะลุไปย่านอินซาดงได้อีกด้วย
เดินไปจนเย็น เริ่มหิว เลยไปแวะกินร้านเกี๊ยวบุกชนซะหน่อย 



มนูนี้มีชื่อว่า Bukchon mandoo ถ้าจำไม่ผิดนะ มันมีเกี๊ยวหลายๆอย่าง ในซุปขุ่นๆนี่แหละ รสชาติเกี๊ยวก็จะแตกต่างออกไป บางอันเจาะไปเจอน้ำมันงาแดงๆ ท่วมเลย มีหมูสับด้วย บางอันก็ไส้ผักกับหมู 
ส่วนตัวเราว่าชามนี้เฉยๆว่ะ แบบมันจืดๆ 
ไอตอนกินก็เหลือบไปเห็นคู่รักข้างๆ มันสั่งเกี๊ยวชิ้นๆ ไส้เนื้อหรือไส้ไรนี่แหละ ละนางก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย กินไปพูดไป "หื้มมมม มาชิตาาาา" อินี่แบบ.. ชามกูนี่อะไรวะเนี่ย ถถถถถถถถ

หลังจากเดินเล่นจนพอใจก็ไปแวะ Carnaby St ร้านกาแฟเพื่อนอปป้าอีกรอบ ไปแม้มตั้งแต่ 6 โมงกว่านี่แหละ มันต้องเปิดวะะะ 
และแล้วในที่สุดดดด !!!!!
.
.



 วันนี้ร้านก็เปิดว้อยยยยย!!!!! 



คือดีใจมากกก 555555555
บรรยากาศในร้านแบบตกแต่งด้วยไฟสลัว





มีโต๊ะบริการน่าจะประมาณ 20+- โต๊ะได้




มีการตกแต่งด้วย Vespa ด้วย



และยังมีเสื้อหนังแขวนไว้ สร้างกลิ่นอาย biker อย่างแท้จริง อันนี้ก็ไม่รู้ว่าเค้าขายหรือเค้าโชว์ แต่มันสวยจีจี นึกถึงตอนอปป้าใส่ขี่มอไซเลอ <3 <3 


แอร๊ยยย เท่ชะมัดด  555555555
A post shared by 지창욱 (@jichangwook) on


ในส่วนของเมนูที่สั่งนะฮะ จะเป็น iced americano 4,500 W ก็แอบแพงอยู่นะ สำหรับราคาอเมริกาโน่

แต่เราก็ยอม เพื่อเพื่อนอปป้า 5555555 
เอาจริง ปกติไ่ม่ค่อยกินอเมริกาโน่หรอก แต่อยากรู้ว่ารสชาติพันธุ์กาแฟทีนี่เป็นไง เลยจัดเลย สรุปก็หอมใช้ได้เลยล่ะ





ระหว่างนั่งชิว..​ พลางแอบมีความหวังว่าอปป้าจะแวะมาที่ร้าน (แม้จะรู้ว่าเค้าไม่ว่างมาเพราะติดถ่ายละครก็เถอะ.. ) ก็นั่ง selfie ชมบรรยากาศรอบร้านไป 




ยิ่งดึก..​บรรยากาศในร้านก็ยิ่งสวย 

วันนั้นร้านจริงๆจะได้ปิดสองทุ่ม แต่เราได้ถามอปป้าท่านนี้ เค้าบอกปิดห้าทุ่มเลยล่ะ เวลาเปิดปิดแต่ละวันนี่ไม่แน่นอนเลยจริงๆแฮะ 
พอนั่งไปตอนประมาณเกือบๆ สามทุ่ม เห็นผู้ชายสองสามคน ยืนอยู่หน้าร้าน เดินไปเดินมา.. และลากเรือมาจอดหน้าร้าน motoguzzi ข้างๆ.. มองไป..​" นี่เฮีย Vespa " นิ 
นางเป็นเพื่อนกะอุคอปป้าเว้ย นี่ใจเต้นเลย 555555555 (ใจนี่แบบ อุคมาไม๊วะๆๆๆ 55555555) แต่เฮียเวสเค้าก็มะได้เข้าร้านมา 
เอาแค่เรือมาจอด ซึ่งมันคือลำนี้เลยจ้า 




หลังจากนั่งตั้งแต่ 6 โมงยันสามทุ่มก็คิดว่าสมควรแต่การกลับแล้วล่ะ.. บอกลาอปป้าที่ดูแลร้านละจากไป ในใจก็แอบอยากถาม ชางอุคอปป้าไม่มาหรอคะ.. ? แต่ไม่ถามดีกว่า 55555555

.
หลังจากนั้นก็ถึงเวลากินมื้อเย็นสุดท้ายของทริปนี้ ซึ่งมันก็ไม่เย็นอะ ดึกเลยล่ะ สามทุ่มกว่า
เราไปกิน Chimaek ( ชีแม็ก = ชีเก้น+แม็กจู = ไก่กับเบียร์) ณ ร้าน Yong 9 Plus+ ซอยเดียวกะที่พักเลยจ้า



ที่นี่จะเป็นเมนูไก่ทอด จำไม่ได้ว่ามีรสไรบ้าง เราสั่งไก่ยังนยอม แบบไร้กระดูก อารมณ์เดียวกับที่ไปกินริมแม่น้ำฮันน่ะแหละ ส่วนเบียร์ อินี่เห็นว่ามี โซแม็ก ด้วย (โซจู+เบียร์) เลยจัดเลยจ้า 555




ดื่มเบียร์เหงาๆ กับมือถือพังๆ

ขอบ่นนอกเรื่อง* 
ดิฉันยังคงตั้งหน้าตั้งตารอ Note 8 อยู่นะคะ อินี่ Note4 อัพเฟิร์มแวร์มารอบแล้ว เปลี่ยนแบตสองก้อน แม่งก็ยังติดดับจนแทบขว้างทิ้ง แต่ก็ยังอดทนใช้มันไป.. 
แต่ก็ยังขอบคุณที่ทริปนี้ดับหลายรอบแต่ไม่ดับตายไม่ตื่น.. 


ไว้ถ้า Note 8 มันออกละนี่จะรีวิวให้ฟรีเลยค่ะ กราบ ขอให้มาไวๆ 

อ่ะต่อ
.
.
ละแล้วไก่ยังนยอมของชั้นก็มาแล้วววววว มาเป็นถาด เยอะมว๊ากกกกกกก


ไม่แนะนำให้ดูตอนดึกนะฮะ 555555555555



ในส่วนของรสชาติ เราว่ามันก็ดีอะ ไก่กรอบฉ่ำซอสมากๆ ซอสก็หวานนำ ไม่เผ็ดเลยล่ะ เสียอย่างเดียว คือมันมีกลิ่นแป้งหืนๆอ่ะ กลิ่นแป้งนี่นำมาก 

ถ้านางสามารถลดกลิ่นแป้งบวกกับเพิ่มความเผ็ดได้นี่จะดีมาก กราบ ส่วนปริมาณนี่เยอะจริงๆว่ะ กินไม่หมด เอากลับไทยด้วยเลย 555555555555


นั่งกินจนประมาณสี่ทุ่มกว่าก็กลับห้อง.. แพ็คกระเป๋าเตรียมกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น

ฮืออ ไม่น่าเชื่อว่าพรุ่งเน้ชั้นจะกลับแว้ววววว กรี๊สสสสสส T T

9th DAY IN SEOUL ALONE: HONGIK > INCHEON AIRPORT > BKK


วันสุดท้ายแล้ว กับทริปเกาหลี 9 วัน! วันนี้แทบไม่ได้ทำอะไรเลย ต้องเตรียมตัวไปสนามบินช่วงบ่าย เลยใช้ชีวิตแถวฮงแด ไปฝากกระเป๋าที่สถานีฮงอิก ไอตอนเช็คเอ้าท์ลากเป๋าลงจากห้องคือบอกเลยว่า "กรูจะตาย" เป๋าลาก 2 ใบ+สะพาย1 ลงบันได 4 ชั้น!!!! ใส่ถุงมือเวทแบกลงมาทีละใบนี่หนักชิปหาย Burn calories มากกกกกก!!! 



ไอที่ไปฝากเป๋าก็คือฝากไปใหญ่ไปเดียว ประมาณ 4,000 W ใบเล็กก็ลากไปด้วย ใครที่จะมาฝากเป๋า แนะนำว่ายังมะต้องฝากบนสถานีนะ มาฝากตรงใกล้ๆ ทางออกไป Seoul station ดีกว่า มีตู้เหมือนกัน 


ส่วนมื้อเช้ากับเที่ยง จริงๆตั้งใจจะไปกินปิ้งย่างแบบคนเดียว แต่ดันปิดวันอาทิตย์อีก== เลยมากินร้านใกล้ๆ Yogerpresso ข้ามถนนมาก็ถึง เมนูที่สั่งคือ ซุปหัววัว....  OO
ซึ่งตอนแรกก็ลังเลอยู่นาน จะกินดีไม๊วะ แต่คิดว่าเนื้อวัวคงอร่อยหมดแหละ แถมซาจังนิมก็บอก มาชิดซอๆ เลยเออๆสั่งก็ได้วะ


รสชาติคือแบบ.. ซุปจืดชิปหายอะ เนื้อวัวก็แบบ เหมือนมีเอ็นติด เคี้ยวละมีกรึบๆ..​ซึ่งมีความสยึมกึ๋ยแปลกๆ รสชาติจืดชืด เมนูนี้ไม่ผ่านว่ะ.. แอบเซ็งนะ มื้อสุดท้ายก็มะอร่อย ==






 หลังจากจากกินเสร็จเลยแว้บไปเดินฮงอิกแปป..​ประมาณ 2 นาที 5555555 คือไม่รู้จะทำไรละจริงๆ เวลามันไม่อำนวย เลยเก็บภาพเป็นความทรงจำสุดท้ายกับทริปนี้..




(กระเป๋าที่เห็นคือกระเป๋าที่ต่อราคากับจุมม่าที่ทงแดมุนนี่แหละ ชอบมาก 5555555)



ว่ากันด้วยเรื่องของ "น้ำหนักกระเป๋าขากลับ x Eastar Jet"

ตอนต่อคิวเช็คอินนี่คือแบบ อธิษฐานนกับพระเจ้าตลอด ขอให้ลูกไม่โดนค่านน.กระเป๋าด้วยเถิด 5555555555 คือในใจก็มีเตรียมใจแหละว่า อาจโดนจ่าย กิโลละ 300 (10,000 W) ถ้าเกิน 20kgs (อย่างที่บอกตอนต้น ซื้อ package happy fare ขากลับ จะได้ 20kgs+ in-flight meal) 
พอถึงคิวชั้น..​วางกระเป๋าปุ๊ป..
"25 KGS"
OO
ในใจนี่ " Cheer แล้ว...​" ละตาก็จ้องพนง. รอดู reaction .. นางสองคนก็กระซิบกระซาบกัน และดูจอ monitor.. และก็มีคำนึงที่ชั้นฟังออก " happy .." และสุดท้าย นางก็ 
.
.
"ไม่ได้ charge เพิ่มว๊อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!" ขอบคุณพระเจ้ารัวๆมากค่าา 5555555555555 ไม่งั้นนะโดนอีก 1,500 thb จุกสิคะ 
ขากลับก็มีเวลาเดินเล่น duty free เจออปป้าอีก 555555 Presenter police นี่หล่อจีจี แหม่ 
A post shared by cherriiecherry 체리체리 (@cherriiecherry) on



พอถึงเวลาก็ขึ้นเครื่องเจ้า..​

รีวิวสุดท้าย: 
อาหารในเครื่องบิน เชอสั่งเป็น Bulgogi rice ซึ่งก็ไม่รู้เป็นอะไร วันนี้เจอแต่อาหารไม่ถูกใจ.. มันฉุนพริกหยวกมากอะ พริกไทยก็แรง รู้สึกไม่ถูกปาก แต่พอมองไปดูคนข้างๆ นางกินเบเกิ้ลแซลมอน..​โคตรน่ากินอะ!!! 55555555 ถ้าครั้งหน้ามีโอกาสได้เดินทางกับ Eastar Jet อีก ก็คงลองสั่งเมนูนี้ดู..

เป็นอัน "จบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ" กับการรีวิวมหาโหด ใช้เวลาทำนานมากกกกก อัพหลังเลิกงานกลับบ้านมาดึกๆ สะสมวันละนิดๆ ถ้ามีตกหล่นพิมพ์ผิดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ มันเยอะจีจี 555

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทริปนี้
ตั๋วเครื่องบิน = 12,663 
Korail pass = 3,218.13
ที่พักโซล = 5,601
ที่พักปูซาน = น่าจะประมาณ 860 +- คือจำไม่ได้
Pocket money =38,000 
Total 60,343+- ตีไปกลมๆ ก็ 60,350 บาท

ยังไงหวังว่าทุกวันจะได้ประโยชน์ ความรู้ต่างๆ จากการอ่านรีวิวเกาหลีสไตล์ผู้ญฉายเดี่ยวในครั้งนี้นะคะ 


สุดท้าย.. 

จากคนที่ไม่เคยเที่ยวคนเดียว แล้วได้มาใช้ชีวิต out of the box แบบนี้ มันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ มันทำให้เชอโตขึ้น และกล้าที่จะตัดสินใจเอง ทำอะไรเอง แพลนเอง เที่ยวเอง เบ๊อะเอง เจ็บเอง มีเยอะถมไป ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็น "บทเรียน" ที่สอนให้เราใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีสติมากขึ้น..​ นับเป็นทริปที่เชอความสุขมากจริงๆ 
สนับสนุนให้ทุกคนออกไปใช้ชีวิต ทำในสิ่งที่ตัวเองรักนะคะ ชีวิตเรามันไม่แน่นอน จะอยู่หรือไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้จริงๆ .. 

และสุดท้ายจริงๆ จำไว้ว่า..

"งาน ไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิต"

ขอลากันไว้แค่นี้ แล้วพบกันในรีวิวหน้าจ้าา xoxo <3



Share:

No comments

Post a Comment

© cherriiecherry | All rights reserved.
Blog Design Handcrafted by pipdig